กทม. เจอ 3 คลัสเตอร์ใหม่ ติดเชื้อหลายร้อย ห่วงเพื่อนร่วมงานทำติดวงกว้าง เปิด 10 จังหวัด ติดเชื้อโควิดสูงสุด ปทุมธานี เจอในศูนย์เด็กอ่อน ย้ำเข้มเฝ้าระวัง

วันที่ 24 มิ.ย.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,108 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 3,865 ราย มาจากเรือนจำ 229 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 14 ราย รักษาหายเพิ่ม 1,578 ราย ถือว่า เสียชีวิต 31 ราย

ทำให้มียอดติดเชื้อสะสม 232,647 ราย รักษาหายสะสม 191,355 ราย เสียชีวิตสะสม 1,775 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 39,517 ราย แบ่งเป็นรักษาใน รพ. 13,320 ราย และ โรงพยาบาลสนาม 26,197 ราย มีอาการหนัก 1,564 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 445 ราย ตัวเลขติดเชื้อใหญ่อยู่ที่ กทม.และปริมณฑลรวมกัน 2 พันกว่าราย

สำหรับผู้เสียชีวิต 31 ราย สูงสด มาจาก กทม. 28 ราย, พระนครศรีอยุธยา 2 ราย และ ลพบุรี 1 ราย เป็นชาย 16 ราย หญิง 15 ราย อายุต่ำสุด 30 ปี สูงสุด 93 ปี อายุกลางเฉลี่ย 65 ปี นอนรักษาตัวนานสุด 49 วัน เฉลี่ย 13.5 วัน โรคประจำตัวยังเป็นกลุ่มเดิม ติดเชื้อบุคคลในครอบครัว เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน เน้นย้ำเสมอว่า 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นการติดเชื้อจากบุคคลใกล้ตัว ผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศ 14 ราย ได้แก่ โอมานและโซมาเลียประเทศละ 1 ราย และกัมพูชา 12 ราย โดยเข้ามาช่องทางธรรมชาติ 2 ราย จากทางจันทบุรี

พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า ส่วน 10 อันดับติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 1,359 ราย สะสม 63,835 ราย 2.สมุทรปราการ 297 ราย สะสม 14,788 ราย 3.สมุทรสาคร 259 ราย สะสม 6,247 ราย 4.ชลบุรี 2542 ราย สะสม 7,022 ราย 5.สงขลา 216 ราย สะสม 3,349 ราย 6.นนทบุรี 170 ราย สะสม 10,154 ราย 7.ปทุมธานี 157 ราย สะสม 6,878 ราย 8.ยะลา 119 ราย สะสม 1,102 ราย 9.ระยอง 92 ราย สะสม 1,327 ราย และ 10.นครปฐม 91 ราย สะสม 3,395 ราย

พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า กทม.มีคลัสเตอร์ใหม่ 3 คลัสเตอร์ ทำให้โดยรวมมีคลัสเตอร์เฝ้าระวัง 99 คลัสเตอร์ กระจายทั้งสิ้น 42 เขต จาก 50 เขต ถือว่ากระจายกว้างขวาง โดยคลัสเตอร์ใหม่ได้แก่ 1.บางกะปิ เป็นแคมป์ก่อสร้าง ซอยรามคำแหง 7 ตรวจ 241 ราย พบยืนยัน 164 ราย คิดเป็น 68% 2.เขตบางรัก เป็นแคมป์ก่อสร้างสีลมซอย 9 ตรวจ 257 ราย พบติดเชื้อ 126 ราย คิดเป็น 49%

และ 3.เขตบางขุนเทียน เป็นบริษัทผลิตหมวกกันน็อก ตรวจ 600 ราย พบติดเชื้อ 165 ราย คิดเป็น 27.5% ซึ่งบริษัทผลิตหมวกกันน็อก กทม.รายงานพบผู้ติดเชื้อรายแรกไม่ได้มีอาการ และไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ แต่ไปรับการตรวจหาเชื้อโควิดเพื่อเตรียมเข้ารับการผ่าตัด เมื่อรับการยืนยันติดเชื้อ จึงเกิดการตรวจเชิงรุก 600 คนในบริษัท ถึงพบการติดเชื้อดังกล่าวและน่าจะมีการรายงานต่อเนื่อง

“ศบค.ถึงเน้นย้ำเสมอในการเฝ้าระวังมาตรการ ต้องบอกว่าหลายคนสวมหน้ากากสองชั้น ล้างมือตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ก็ขอบคุณทุกคนที่ทำเต็มที่และต่อเนื่องเป็นปี เฝ้าระวังอย่างแข็งขัน แต่ต้องยอมรับว่าสังคมบ้านเรายังมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังมีการรวมกลุ่มสังสรรค์ ดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน ตั้งวงพนัน ไม่สวมหน้ากากอนามัย มีการรายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง เราไม่ได้กล่าวโทษผู้ติดเชื้อ เพราะทุกคนไม่ได้ตั้งใจ แต่เป็นการติดเชื้อแบบคาดไม่ถึงจากคนใกล้ชิด เพื่อนรวมงาน ครอบครัว ที่เราอาจไม่ระวัง บางครั้งออกจากครอบครัวจากบ้านสวมหน้ากากเข้มงวด แต่อยู่กับคนใกล้ชิดเราอาจจะมีการย่อหย่อน ซึ่งภาวะปกติการอยู่ร่วมกันกับคนกลุ่มเดิมอาจไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ แต่เกิดมีเพื่อนร่วมงานเรามีญาติมาจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อนร่วมงานอาจเป็นคนแรกติดเชื้อก็จะทำให้ติดเชื้อในที่ทำงานได้ เป็นต้น ขอให้ดูแลมาตรการตนเองอย่างเข้มงวด” พญงอภิสมัย กล่าว

ส่วนคลัสเตอร์ใหม่จังหวัดอื่น ๆ ได้แก่ 1.สมุทรสาคร พบโรงงานผลิตภัณฑ์ยาง อ.เมือง 9 ราย และโรงงานกุ้ง อ.เมือง 9 ราย 2.นนทบุรี โรงงานสาหร่ายแปรรูป อ.ปากเกร็ด 11 ราย และ 3.ปทุมธานี บ้านเด็กอ่อนรังสิต อ.ธัญบุรี 39 ราย โดยจำนวนนี้เป็นเด็กอายุ 3-6 ปี รวมถึง 33 คน ผู้ดูแล 6 คน และจากการสอบสวนโรคน่าจะมีผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นพนักงานขับรถเพียงคนเดียว ทำให้เห็นการกระจายเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจากการมีบุคคลแรกที่เป็นเพื่อนร่วมงานใกล้ชิดคุ้นเคยำให้เกิดการแพร่ระบาด

“ผอ.ศปก.ศบค.เน้นย้ำสถานดูแลเด็กอ่อนและผู้สูงอายุ ถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ดูแล ต้องเฝ้าระวังตนเองอย่างเข้มงวด ปฏิบัติตามมาตรการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าภาครัฐเอกชนต้องกำหนดมาตรการตรวจตราบุคลากรสม่ำเสมอ ฝากภาครัฐ จังหวัด เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง กรณีมีสถานดูแลเด็กอ่อนผู้สูงอายุในพื้นที่ให้กำกับติดตามอย่างเคร่งครัด เจ้าหน้าที่แม้จะรับวัคซีนก็กลายเป็นผู้ติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ เราเห็นสถานดูแลผู้สูงอายุในหลายพื้นที่ ขอให้เน้นย้ำมาตรการอย่างเข้มข้น” พญ.อภิสมัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน