ผู้บริหารธรรมศาสตร์ ถกเครียด ตัดสินใจเปิด รพ.สนาม ต่อ หลังกทม.วิกฤต

ผู้บริหารธรรมศาสตร์ ถกเครียด ตัดสินใจเปิด รพ.สนาม ต่อ หลังถูกร้องขอจากเพื่อนร่วมอาชีพ เนื่องจากกทม.วิกฤต ผู้ป่วยหนักล้น เตียงไม่พอ

26 มิ.ย. 2564 – ผศ.นพ.ฉัตรชัย มิ่งมาลัยรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนาม​ธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาถึงการหารือร่วมกับ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่องกลับมาเปิดโรงพยาบาลสนามต่อ

ผศ.นพ.ฉัตรชัย ระบุว่า เมื่อนโยบาย การปัองกันการแพร่ระบาดโรคโควิดนโยบายการฉีดวัคซีน สวนทางกับข้อมูลการแพร่ระบาดของโรคโควิด ส่งผลให้เราเข้าสู่สถานการณ์ที่แย่ที่สุดในการควบคุมและดูแลผู้ป่วยโควิดตั้งแต่มีการติดเชื้อมา เตียงไม่พอทั้งการดูแลผู้ป่วยเขียวเหลืองแดง ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมาสู่จุดนี้

รพ.สนามธรรมศาสตร์ เราวางแผนจะปิดในสิ้นเดือนนี้ เพื่อถอนกำลังมาทุ่มเทและเพิ่มเตียงในการดูแลผู้ป่วยเหลืองแดง ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ที่มีจำนวนมากรวมทั้งศูนย์ฉีดวัคซีนธรรมศาสตร์ เราจึงหยุดรับผู้ป่วยใหม่ตั้งแต่กลางเดือน

แต่ตอนนี้เราถูกร้องขอทั้งเพื่อนโรงเรียนแพทย์ในกรุงเทพ ให้ช่วยรับรีเฟอร์ผู้ป่วยเพราะวิกฤตอย่างมากรวมทั้งรพ.ต่าง ๆ ในจังหวัดปทุมธานี ที่ตอนนี้ก็ล้น

วันนี้ทีมผู้บริหารนำโดยท่านอธิการบดีและ อ.สุรพล ประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาล พร้อมทีมแพทย์ พยาบาลได้ประชุมร่วมกันเพื่อตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรดีในสถานการณ์ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ก็ทำงานหนักมากมาโดยตลอด ยังไม่มีโอกาสได้หยุดพัก โดยเฉพาะทีมพยาบาลที่ทำงานเพิ่มเป็นสองสามเท่ามาโดยตลอดหลายเดือน

หลังการหารือกว่า 2 ชั่วโมง พวกเราก็ตัดสินใจว่าเราจะกลับมาเปิดบริการโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์อย่างเต็มกำลังอีกครั้งกับศักยภาพ 470 เตียงที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพื่อน ๆ ของเราทั้งจากโรงเรียนแพทย์ในกรุงเทพและรพ.ในจังหวัดปทุมธานี และที่สุดก็คือพี่น้องประชาชนที่กำลังรอคอยความหวังในการเข้ารักษาในรพ.

สิ่งที่เราตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานของการที่ต้องทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าทั้งรพ.สนาม หอผู้ป่วยวิกฤติ ศูนย์ฉีดวัคซีนด้วยจำนวนคนเท่าเดิม แต่สิ่งเราทำก็เป็นเพราะหัวใจและจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ที่พวกเราก็คงทนเห็นความทุกข์ของประชาชนโดยเราไม่ยื่นมือไปช่วยไม่ได้ เราจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเพื่อน ๆ ของเรา ถ้าเราจะตายก็คงตายอย่างสมศักดิ์ศรี ได้แต่หวังว่า บ้านเมืองเราจะกลับมาดีขึ้น ด้วยการบริหารที่ใช้ข้อมูลข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความรู้สึก