เปิด 10 จังหวัดติดเชื้อสูงเกิน 100 ราย สัปดาห์นี้พบ 32 จังหวัดติดเชื้อจากผู้เดินทางมาจาก กทม. ย้ำงดเดินทาง หากไปแล้วต้องแยกตัวกักตัว อย่าเอาความเสี่ยงไปให้คนที่บ้าน

วันที่ 1 ก.ค.64 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานกาาณ์โควิด-19 หรือศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันว่า สถานการณ์ทั่วโลกติดเชื้อสะสม 182.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 3.89 แสนราย เสียชีวิต 3.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 8.4 พันราย โดยสหรัฐอเมริกาติดเชื้อสูงสุด 34.5 ล้านราย อินเดียติดเชื้อสะสม 30.4 ล้านราย ติดเชื้อใหม่สูงสุด 4.8 หมื่นราย บราซิลติดใหม่ 4.5 หมื่นราย

ส่วนมาเลเซียยังติดเชื้อใหม่ 6.2 พันราย กัมพูชา 1,130 ราย พม่า 1,580 ราย โดยประเทศไทยอยู่อันดับ 72 ของโลก ติดเชื้อใหม่ 5,533 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 5,477 ราย เรือนจำ 44 ราย เดินทางจากต่างประเทศ 12 ราย รักษาหายเพิ่ม 3,223 ราย เสียชีวิต 57 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 264,834 ราย หายป่วยสะสม 183,276 ราย อยู่ระหว่างรักษา 52,052 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 24,454 ราย โรงพยาบาลสนาม 27,598 ราย อาการหนัก 1,971 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 566 ราย

ผู้เสียชีวิต 57 ราย มาจาก กทม. 34 ราย, สมุทรปราการ 9 ราย, ปทุมธานี 3 ราย, นครปฐม นครนายก จังหวัดละ 2 ราย, เชียงราย ชัยภูมิ สงขลา นครศรีธรรมราช นราธิวาส สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 30 ราย หญิง 27 ราย อายุต่ำสุด 30 ปี สูงสุด 94 ปี อายุกลาง 67 ปี

โรคประจำตัวยังคล้ายเดิมคือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย มาจากมัลดีฟส์ 1 ราย พม่า 2 ราย มาจากช่องทางธรรมชาติ และกัมพูชา 9 ราย เข้ามาช่องทางธรรมชาติ 7 ราย บางคนมีอาการติดเชื้อตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา หากตรวจจับไม่ได้ก็จะกระจายไปยังบุคคลใกล้ชิด

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า วันนี้มีการติดเชื้อ 71 จังหวัด โดยมีการติดเชื้อมากกว่า 20 ราย จำนวน 26 จังหวัด ติดเชื้อ 11-19 ราย จำนวน 11 จังหวัด ติดเชื้อ 1-10 ราย จำนวน 30 จังหวัด และไม่มีการติดเชื้อ 4 จังหวัด

การข้ามพื้นที่ใน 1 สัปดาห์นี้ จังหวัดที่พบรายงานติดเชื้อเพิ่มขึ้น เป็นคนเดินทางจาก กทม.และปริมณฑล ทำให้เกิดยอดติดเชื้อในจังหวัดปลายทางถึง 32 จังหวัด กระจายทั้งเหนือ 6 จังหวัด อีสาน 12 จังหวัด กลาง 9 จังหวัด และใต้ 1 จังหวัด

แต่ละจังหวัดต้องออกประกาศเข้มงวด โดยให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังเข้มงวดสูงสุด เพราะอาจมีประชานทำงานพื้นที่เสี่ยง กทม. ปริมณฑล มีการเคลื่อนย้ายแรงงานกลับบ้าน ไม่ใช่ว่ากลับไม่ได้ แต่ต้องกักกันตัวเอง

“ยิ่งกลับไปแล้วมีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก เป็นความรับผิดชอบส่วนตัว เพราะอาจเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้ทำตัวเสมือนเป็นผู้ติดเชื้อแล้ว ไม่เดินทางไปสังสรรค์ อย่างชลบุรีไปพะเยาแล้วไปกินเลี้ยง ตั้งวงเล่นพนัน การสัมผัสผู้ติดเชื้ออาจยังไม่มีอาการ เพราะระยะฟักตัว 2-14 วัน บางคนผ่านไป 4-5 วันถึงเริ่มมีอาการ คนมาจากพื้นที่เสี่ยงให้กักตัวเอง ไม่เดินทาง ไม่สัมผัสใกล้ชิด ไม่ไปพื้นที่ชุมชน

อะไรที่เป็นกิจกรรมมีความจำเป็นต้องระมัดระวังมาตรการส่วนตัว สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง ขอให้จังหวัดมีการติดตามผู้เดินทาง ย้ำโรงพยาบาลปลายทาง กรณีมีผู้คนมารับบริการโรงพยาบาลขอให้ตรวจโควิดในทุกรายที่มีอาการปอดอักเสบ ไข้ ไอ เสมหะ เป็นต้น บุคลากรทางการแพทย์ก็ถือเป็นผู้เสี่ยง ผู้มาตรวจรักษาในโรงพยาบาลอาจมาจากพื้นที่เสี่ยง คนไปรับบริการใน โรงพยาบาลอย่าปกปิดข้อมูล เพื่อช่วยให้ระบบสาธารณสุขดูแลต่อไปได้” พญ.อภิสมัยกล่าว

สำหรับ 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 1,960 ราย สะสม 74,779 ราย 2.สมุทรปราการ 435 ราย สะสม 17,437 ราย 3.ปทุมธานี 321 ราย สะสม 8,213 ราย 4.สมุทรสาคร 298 ราย สะสม 8,261 ราย 5.สงขลา 272 ราย สะสม 4,717 ราย

6.ชลบุรี 261 ราย สะสม 8,685 ราย 7.นครปฐม 231 ราย สะสม 4,512 ราย 8.นนทบุรี 224 ราย สะสม 11,488 ราย 9.ปัตตานี 180 ราย สะสม 2,370 ราย และ 10.ยะลา 136 ราย สะสม 1,975 ราย โดยถือว่าติดเชื้อเกิน 100 รายทั้งหมด

สำหรับคลัสเตอร์ใหม่ ได้แก่ 1.นครปฐม โรงงานไก่ อ.ดอนตูม 104 ราย 2.สระแก้ว วิทยาลัยเทคนิค อ.วังน้ำเย็น 11 ราย ซึ่งก่อนหน้านี้มีนักเรียนจบการศึกษาและรายงานติดเชื้อหลายจังหวัด อยู่ในช่วงเดินทางไปฝึกงานโรงงานต่างๆ ต้องเน้นย้ำมาตรการโรงงาน การมีนักศึกษาฝึกงาน รับบุคคลเข้าทำงาน เน้นมาตรการองค์กรเข้มงวด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน