“อนุทิน” เรียกถกบอร์ด สปสช. ไฟเขียวจัดซื้อชุดตรวจโควิดกว่า 8.5 ล้านชุด วงเงิน 1 พันล้านบาท กระจายสู่หน่วยบริการ แจกทุกคน-ทุกสิทธิ ตรวจได้ด้วยตัวเอง

วันที่ 19 ก.ค.64 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวว่า บอร์ด สปสช.มีมติเห็นชอบเพิ่มชุดตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วย Antigen Test Kit ในวงเงินเบื้องต้น 1,014 ล้านบาท เพื่อจัดหาชุดตรวจให้หน่วยบริการนำไปแจกจ่ายกับประชาชนทุกคนทุกสิทธิต่อไป

ดำเนินแผนการจัดหาภายใต้โครงการยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ปี 2564 ซึ่งจะจ่ายให้แก่เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ (เครือข่าย รพ.ราชวิถี) ดำเนินการจัดหาเพื่อสนับสนุนชุดตรวจให้แก่หน่วยบริการในเครือข่ายและประชาชน โดยคาดว่าจะนำไปสู่การเปิดให้ประชาชนสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจเอง ในช่วง ส.ค. – ก.ย. 2564

“สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีจำนวนมากในขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว จึงได้ประชุมบอร์ด สปสช.เร่งด่วน เพื่อให้ขอความเห็นชอบในการจัดหาชุดตรวจให้ประชาชนตรวจหาเชื้อเองได้ในเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือแรงงานต่างด้าว เพื่อให้หาเชื้อได้ครอบคลุมที่สุด และต้องทำด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้” นายอนุทิน กล่าว

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า การเตรียมงบประมาณจัดหาชุดตรวจให้หน่วยบริการแจกจ่ายประชาชนทุกคนทุกสิทธิ จะเป็นการใช้จ่ายจากงบประมาณตาม พ.ร.ก.กู้เงินฯ โดยให้เครือข่าย รพ.ราชวิถี จัดหาชุดตรวจผ่านองค์การเภสัชกรรม (อภ.) โดยในส่วนของวงเงินเบื้องต้น 1,014 ล้านบาท เป็นการประเมินจากจำนวนผู้ติดเชื้อและปริมาณชุดตรวจที่คาดว่าจะใช้ราว 8.5 ล้านชิ้น ในช่วงตั้งแต่วันนี้ถึง ก.ย. 2564

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้ สปสช. ใช้เงินกองทุนจากรายการและประเภทบริการอื่น หรือรายการ “รายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสม” ที่ไม่มีภาระผูกพันทดรองจ่ายค่าบริการโควิด-19 ไปก่อน ในระหว่างรองบประมาณที่จะได้รับเพิ่มเติมจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ รวมถึงให้ความเห็นชอบกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทาง การจ่ายชดเชยสำหรับบุคลากรที่จัดการศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในวงเงินเหมาจ่าย 2,500 บาทต่อศพ ซึ่งรวมอุปกรณ์ป้องกันตัวและถุงเก็บศพ

และเห็นชอบให้การเข้ารับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับหรือโรคโควิด-19 ในสถานบริการอื่น ให้ถือเป็นกรณีที่มีเหตุสมควร ตามประกาศสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง กำหนดกรณีที่มีเหตุสมควรและอัตราคำใช้จ่ายที่หน่วยบริการมีสิทธิได้รับ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2564 ซึ่งประชาชนจะสามารถเข้ารับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับโควิด-19 เช่น การฉีดวัคซีน บริการกักกันโรค หรืออื่นๆ ที่ไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปหน่วยบริการประจำ

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน