ยธ. เผย นักโทษติดเชื้อโควิดเพิ่มหลักพัน 22 แห่งเรือนจำสีแดง เน้นย้ำเข้มกักตัวผู้ต้องขังใหม่ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กฯ เจอผู้ติดเชื้อ 1 ราย
วันที่ 23 ก.ค.64 นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 45/2564
โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ เผยภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน มีเรือนจำสีแดงที่แพร่ระบาด 22 แห่ง เรือนจำสีขาวที่ไม่แพร่ระบาด 112 แห่ง ควบคุมการระบาดได้รอประเมินเป็นเรือนจำสีขาว 8 แห่ง โดยมีเรือนจำกลางเชียงใหม่ที่ได้รับการประเมินสถานะกลับเป็นเรือนจำสีขาวที่ปลอดเชื้อเพิ่ม และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตต่อเนื่องเป็นวันที่ 13 แล้ว
นายวัลลภ เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้อยู่ที่ 1,072 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 1,001 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 71 ราย) โดยจำนวนผู้ติดเชื้อที่ตรวจพบเพิ่มขึ้นเป็นการตรวจพบเชื้อในเรือนจำสีแดงที่แพร่ระบาดเดิม ที่เป็นการตรวจหาเชื้อเชิงรุก เพื่อค้นหาและคัดแยกผู้ติดเชื้อให้ได้รับการรักษาโดยเร็ว อันจะเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมโรค ให้สามารถควบคุมการระบาดและกลับคืนสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งจากดำเนินงานที่ผ่านมา พบว่า การค้นหาผู้ติดเชื้อให้เข้าถึงการรักษาที่รวดเร็ว และได้รับยาทันเวลา จะสามารถลดความรุนแรงของโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ และช่วยลดผู้ป่วยอาการหนัก ลดความสูญเสียได้ในท้ายที่สุด
ด้านสถิติผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาจนหาย วันนี้เพิ่มขึ้น 194 ราย รวมรักษาหายสะสมแล้ว 36,864 ราย หรือ 86.9% ของผู้ติดเชื้อสะสม 42,445 ราย มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 5,187 ราย เป็นกลุ่มสีเขียว 84.3% สีเหลือง 15.3% และสีแดง 0.4% และมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
นายวัลลภ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ. ยังคงเน้นย้ำการเฝ้าระวังและป้องกันเชื้อทั้งระบบการกักตัวผู้ต้องขังรับใหม่จากภายนอกที่ต้องดำเนินการอย่างรอบครอบและเคร่งครัดมากขึ้น และการป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ที่ต้องตรวจหาเชื้อพร้อมยืนยันผลว่าไม่ติดเชื้อก่อนเข้าเรือนจำทุกครั้ง และในเรือนจำสีแดงจะต้องตรวจซ้ำก่อนออกอีกครั้ง
เพื่อป้องกันการนำเชื้อเข้าและออกจากพื้นที่แพร่ระบาด โดยระหว่างการพักเวร หรือไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ จะต้องป้องกันตนเองจากเชื้อตามมาตรการ D-M-H-T และมาตรการที่วางไว้อย่างเคร่งครัดอยู่เสมอ
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนประจำวันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม 2564 พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย เป็นเยาวชน จากเดิมมีจำนวน 30 ราย ขณะที่เจ้าหน้าที่ติดเชื้อคงที่ที่ 13 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 44 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว จำนวน 45 แห่ง
จากทั้งหมด 56 แห่ง หรือคิดเป็น 80% อีก 11 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 7 แห่ง และติดเชื้อ 4 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชน คงที่ที่ 111 ราย หรือคิดเป็น 2.5% จากทั้งหมด 4,310 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,787 ราย หรือคิดเป็น 85% ของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 4,410 ราย