ศบค.เผยผู้ป่วยกทม. เข้าโฮมไอโซเลชั่นทะลุแสนกว่าคนแล้ว รับสมัครไรเดอร์ส่งข้าว-ยา เผยยาฟาวิพิราเวียร์เพียงพอ 7 ส.ค.มาอีก 2.5 ล้านแคปซูล
เมื่อวันที่ 9 ส.ค.64 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) ศบค. รับทราบความคืบหน้าความร่วมมือของเทกฟอร์ไทยแลนด์ ที่รวบรวมสถานที่จุดตรวจโควิด เปิดให้บริการใน Koncovid.com ซึ่งแสดงที่ปักหมุดตรวจให้ทุกคนสามารถตรวจหาได้ ซึ่งวันนี้เพิ่มเติมให้แล้วว่าถ้าใครต้องการตรวจเฉพาะที่รับตรวจ PCR หรือ ATK ก็สามารถเลือกดูได้ และยังเพิ่มปักหมุด คอมมูนิตี้ไอโซเลชั่น หรือศูนย์พักคอย หรือศูนย์แยกกักในชุมชนให้แล้ว
ดังนั้น ถ้าใครต้องการค้นหาก็สามารถค้นได้ โดยใส่รหัสไปรษณีย์ของพื้นที่ต้องการค้นหา สามารถค้นหา CI ได้ทันที ซึ่งเป็นข้อมูลอัพเดตรายวันจากกรมการแพทย์ ขณะนี้ยังเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก แต่ภายในสัปดาห์นี้ทีมงานจะปักหมุดเพิ่ม CI ให้ทั่วประเทศ
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขยังแจ้งด้วยว่า CI ที่มีความพร้อม แต่ยังไม่มีโรงพยาบาลพี่เลี้ยง สามารถแจ้งเข้ามาที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ให้ช่วยจัดหาโรงพยาบาลพี่เลี้ยงให้ดูแลได้
นอกจากนี้โทรศัพท์ทุกเขตในกรุงเทพฯ 50 หมายเลข หมายเลขละ 20 คู่สายนั้น ตอนนี้ประชาชนใช้บริการเกินวันละ 5,000 คู่สาย จึงจะจ้างพนักงานเพิ่ม เพื่อให้การบริการสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ทั้งเรื่องการรับผู้ป่วยเข้าบริการ และโฮมไอโซเลชั่น การส่งอุปกรณ์ก็รับสมัครไรเดอร์ เพื่อจัดส่งยาและอาหารให้ผู้ป่วยที่บ้าน ขณะนี้ในกรุงเทพฯ มีคนเข้าโฮมไอโซเรชั่นแล้ว 100,000 กว่าคนแล้ว
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.หารือถึงการตั้งโฮมไอโซเลชั่นในกลุ่มพิเศษ อาทิ กลุ่มผู้ป่วยจิตเวช ที่อาจมีประวัติใช้สารเสพติด หรือกลุ่มเด็กพิเศษ ซึ่งกรมสุขภาพจิต และสถาบันราชานุกูล จะเข้ามาเป็นโรงพยาบาลพี่เลี้ยง เพื่อดูแลได้อย่างครบถ้วนสำหรับกลุ่มผู้ป่วยที่มีความต้องการพิเศษนี้ด้วย
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.ได้ยืนยันเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ ว่าสต๊อกยาโดยองค์การเภสัชกรรม มีการนำเข้าอย่างเพียงพอ ในวันที่ 7 ส.ค.จะเข้ามาอีก 2.5 ล้านแคปซูล แต่ก็น้อมรับข้อร้องเรียนของผู้ป่วย ญาติ สถานบริการขนาดเล็กที่อาจจะได้รับยาไม่ทันท่วงที ซึ่งเกิดจากการกระจาย ตอนนี้ทีมบริหารจัดการพยายามเร่งแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด
