กทม. ติดโควิดยังพุ่ง 4.3 พันราย ศบค. เปิดยอด 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด เผยภาพรวมติดเชื้อเสียชีวิตทั่วประเทศยังทรงตัวอยู่ที่ 0.86%

วันที่ 16 ส.ค.64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 แถลงสถานการณ์โควิด 19 ประจำวัน ว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 21,157 ราย สะสม 928,314 ราย หายป่วย 20,984 ราย สะสม 709,646 ราย เสียชีวิต 182 ราย สะสม 7,734 ราย

ซึ่งทั่วโลกก็มีการติดเชื้อจำนวนมาก เนื่องจากสายพันธุ์เดลตา อยู่ระหว่างรักษา 210,934 ราย อยู่ใน รพ. 55,942 ราย รพ.สนามและอื่นๆ 154,992 ราย อาการหนัก 5,626 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,161 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อเดินทางจากต่างประเทศ 6 ราย มาจากอิสราเอล 1 ราย และกัมพูชา 5 ราย

เผยยอดฉีดวัคซีน

ส่วนการรับวัคซีนรวม 23.5 ล้านโดส เข็มแรก 17.9 ล้านราย เข็มสอง 5.1 ล้านราย และเข็มสาม 4.85 แสนราย การฉีดวัคซีนจะช่วยลดป่วยหนักและเสียชีวิตได้ จึงมีการเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงอุดมศึกษาฯ พบว่า ตอนนี้อาเซียนฉีดแล้ว 204 ล้านโดส

โดยไทยอยู่ที่ 27% มีแค่สิงคโปร์ที่ฉีดถึง 76.2% ส่วนทั่วโลก จีนสูงสุด 1,844 ล้านโดส คิดเป็น 65.9% โดยใช้วัคซีนในประเทศที่ผลิตเองทั้งซิโนฟาร์ม ซิโนแวค และแคนซิโน

สำหรับการตรวจ ATK พบว่าวันที่ 15 ส.ค. ผลบวก 803 ราย โดยใน กทม.ยังพบ 12.27% ต้องรีบเข้ารักษาโดยออกแบบไว้เป็นการดูแลที่บ้านและชุมชน

กทม.เสียชีวิตมากสุด 64 ราย

สำหรับผู้เสียชีวิต 182 ราย กทม.มีมากสุด 64 ราย ปริมณฑล 5 จังหวัด 40 ราย ภาคใต้ 12 ราย อีสาน 27 ราย ภาคเหนือ 17 ราย ภาคกลาง 22 ราย ตัวเลขยังคล้ายกันโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 87% คืออายุ 60 ปีขึ้นไปและโรคเรื้อรัง ยังพบทารก 7 เดือน 1 รายชาวเมียนมา เสียชีวิตที่ กทม. มีธาลัสซีเมีย จึงต้องเร่งฉีดวัคซีนกลุ่ม 608

เมื่อพิจารณาภาพเสียชีวิตรายสัปดาห์เทียบกับการติดเชื้อ โดยพบว่าอัตราการป่วยเสียชีวิตจากเดิม 1.21 ในสัปดาห์ที่ 23 ลดลงมา 0.86 ในสัปดาห์ที่ 32 โดยระหว่างนี้ก็มีขึ้นๆ ลงๆ ใกล้เคียงกัน คือยังอยู่ในลักษณะคงตัว ทำให้มีการตั้งคำถามว่า เป็นเพราะวัคซีนกำลังทำงานอยู่หรือไม่ ทำให้การเสียชีวิตคงที่ หรือมีผู้ป่วยหนักกระจายออกไปยังภูมิภาค ซึ่งขณะนี้ผู้ติดเชื้อกลับภูมิภาคกลับไปมาก โดยเฉพาะภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง

“แต่ละจังหวัดมีทั้งเชื้อนำเข้าและติดเชื้อในจังหวัด โดยพบว่า ภาคเหนือ เขตสุขภาพที่ 1 2 และ 3 ส่วนใหญ่เป็นเชื้อนำเข้า ยกเว้น จ.ตากที่ติดเชื้อในพื้นที่เยอะกว่าเนื่องจากเป็นชายแดนและมีการติดเชื้อในจังหวัดอยู่แล้ว ส่วนภาคกลางเขตสุขภาพที่ 4 5 และ 6 ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในพื้นที่ ส่วนภาคอีสาน เขตสุขภาพที่ 7 8 9 และ 10 ส่วนใหญ่เป้นการติดเชื้อนำเข้า ยกเว้น จ.นครราชสีมาที่มีการติดเชื้อในพื้นที่ จากการมีโรงงาน ส่วนภาคใต้ เขต 11 และ 12 เป็นการติดเชื้อในพื้นที่” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

10 จังหวัดติดโควิดสูงสุด

สำหรับ 10 จังหวัดที่ติดเชื้อสูงสุด คือ 1.กทม. 4,324 ราย สะสม 217,476 ราย 2.สมุทรสาคร 1,869 ราย สะสม 54,857 ราย 3.ชลบุรี 1,223 ราย สะสม 47,034 ราย 4.สมุทรปราการ 1,147 ราย สะสม 59,813 ราย 5.นนทบุรี 790 ราย สะสม 36,035 ราย 6.นครราชสีมา 547 ราย สะสม 10,857 ราย 7.ฉะเชิงเทรา 540 ราย สะสม 17,221 ราย 8.สระบุรี 470 ราย สะสม 13,665 ราย 9.นครปฐม 449 ราย สะสม 20,207 ราย และ 10.พระนครศรีอยุธยา 420 ราย สะสม 14,184 ราย

กทม. พบ 4,324 ราย มาจากการตรวจเชิงรุก 2,403 ราย เข้ามา รพ. 1,783 ราย ATK อีก 12% จะต้องนำไปสู่การค้นหาเชื้อให้ได้มากๆ ให้คนติดเชื้อใหม่เข้ารับการรักษาโดยเร็ว มีทีมเคลื่อนที่เร็วทำงานต่อเนื่อง กทม.ได้เอาผลงานทีมเชิงรุก CCRT มานำเสนอ เมื่อวานตรวจ 1,810 ราย ได้ผลบวก 222 ราย สะสม 4,320 ราย ซึ่งผลบวกก็ทำการดูแลที่บ้าน อาจได้ยาฟ้าทะลายโจร ยาฟาวิพิราเวียร์ ขอให้อยู่ในบ้านตลอดเวลา 14 วัน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน