ศบค.คงพื้นที่ล็อกดาวน์ตามเดิมถึง 31 ส.ค. เร่งฉีดวัคซีนให้ถึงอย่างน้อย 80 % เน้นให้ตรวจหาเชื้อเองได้ พิจารณาร่วมจัดทำ Thai COVID Pass ฉีดวัคซีนถึงใช้บริการต่างๆ ได้

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า วันนี้ที่ประชุมมีการพิจารณาเรื่องการปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 โดยเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คือ ทุกพื้นที่คงระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรและตามมาตรการเดิมตั้งแต่วันที่ 18 -31 ส.ค. 2564 คือ พื้นที่ควบคุมสูสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด แต่ให้เพิ่มมาตรการและการจัดการองค์กร 3 มาตรการ โดยเฉพาะการค้นหาผู้ป่วยต่อเนื่อง

สำหรับมาตรการลดการเสียชีวิต คือ เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมกลุ่ม 608 อย่างน้อย 80% ใน กทม. อย่างน้อย 70% ใน 12 จังหวัด และอย่างน้อย 50% ในพื้นที่อื่น การเพิ่มอัตราการหมุนเวียนรับผู้ป่วยสีเหลือง สีแดง เพื่อลดการตกค้าง ผู้ป่วยอาการหนักใน รพ. รพ.สนาม และไม่ให้ค้างในชุมชน และเร่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์สำหรับผู้ป่วยสีเขียวที่รักษาที่บ้านและชุมชน ส่วนประชาชน องค์กร สถานประกอบการ สามารถตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตัวเอง โดยรัฐควรสนับสนุนให้มีการใช้โดยไม่เป็นภาระประชาชน

เช่น จำหน่ายราคาถูก จัดหาได้ง่าย มีระบบการดูแลรักษารองรับเมื่อตรวจพบเชื้อ เน้นประชาชนป้องกันตนเองทุกกรณี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับข้อกำหนดเดิมที่มีอยู่ต่อไป รวมทั้งพิจารณาร่วมจัดทำ Thai COVID Pass ให้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ ใช้ภาพประโยชน์จากการฉีดวัคซีนมีใบรับรอง เช่น การไปร้านอาหาร สามารถเปิดบริการได้ โดยเฉพาะห้องแอร์ คนมีวัคซีนฉีดครบแล้วไปรับบริการได้ มีการทำในหลายประเทศ

นอกจากนี้ ยังปรับมาตรการจำหน่ายสินค้าจำเป็น/กิจการจำเป็นในห้างสรรพสินค้า โดยขอเปิดกิจการธนาคารสถาบันการเงิน โดยมีมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด 26 ข้อ ตามที่สมาคมศูนย์การค้าไทยจัดทำไว้ ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังสามารถสั่งทางออนไลน์ทดแทนได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน