สธ.แจงซื้อชุดตรวจเอทีเค 180 ล้านบาท แจกบุคลากรไว้ตรวจสัปดาห์ละครั้ง เป็นงบกลางปี’64 ที่ ครม.อนุมัติให้มาแล้ว เผยไม่ล็อกยี่ห้อ-แต่ต้องผ่าน อย.

กรณีชมรมแพทย์ชนบท คัดค้านองค์การเภสัชกรรม (อภ.) จัดซื้อชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท (เอทีเค) ยี่ห้อเล่อปู๋ (LEPU) จำนวน 8.5 ล้านชิ้น ในราคาชุดละ 70 บาท ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นำไปแจกประชาชนเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเอง โดยให้เหตุผลว่า ไม่มั่นใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ แต่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ยืนยันว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และนำไปใช้ในหลายประเทศ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ลงนามจัดซื้อกับบริษัทที่ชนะการประกวดราคา ต่อมาชมรมแพทย์ชนบทออกมาเปิดเผยว่าให้สังคมจับตา เนื่องจาก สธ.จัดสรรงบประมาณอีก 180 ล้านบาท ให้ อภ.จัดซื้อเอทีเคอีกล็อตนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 17 ส.ค.64 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. กล่าวถึงกรณีมีรายงานว่าที่ประชุม EOC สธ.ให้ซื้อชุดตรวจเอทีเคสำหรับบุคลากรการแพทย์ งบประมาณประมาณ 180 ล้านบาท ว่า เป็นแผนงานที่ขอจากรัฐบาลนานแล้ว เนื่องจากกรมควบคุมโรคมีข้อกำหนดให้เพิ่มการคัดกรองในสถานประกอบการต่างๆ เพื่อให้แยกผู้ติดเชื้อเร็ว และเข้ารับการรักษา ซึ่งในส่วนของบุคลากรสาธารณสุขนั้น ในการปฏิบัติงานกับผู้ป่วยนั้นระมัดระวังอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังมีการติดเชื้อได้ รวมถึงกรณีที่อาจจะมีการติดในบุคลากรกันเองด้วย

“ทาง สธ.จึงมีนโยบายให้ตรวจด้วยเอทีเคในกลุ่มเจ้าหน้าที่สถานพยาบาลสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยนำร่องทดลอง 4-5 สัปดาห์ ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลในสังกัด สธ.และ รพ.โรงเรียนแพทย์ ทั้งนี้ เพื่อคัดกรองบุคลากรในเบื้องต้น” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

ปลัด สธ. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณนั้น มีกองบริหารการสาธารณสุข (กบรส.) เป็นผู้ดูแล ซึ่งโดยปกติ กบรส.ก็ร่วมกับ อย.และ อภ.ในการบริหารคลังอุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ต่างๆ อยู่แล้ว เช่น หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุดป้องกันส่วนบุคคล (PPE) และอื่นๆ เป็นต้น ที่จัดซื้อและกระจายไปทั่วประเทศ ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องก็จะออกข้อกำหนดในการซื้อเอทีเคอีกครั้งหนึ่ง

ด้าน นพ.กรกฤช ลิ้มสมมติ ผอ.กบรส. กล่าวว่า งบประมาณ 180 ล้านบาทนั้น เป็นงบกลางปี 2564 ที่ ครม.อนุมัติให้มาแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือยืนยันการจัดสรรงบดังกล่าวจากสำนักงบประมาณ ซึ่งหากส่งมาแล้วคาดว่าในสัปดาห์หน้า จะพิจารณาในเรื่องคุณสมบัติของเอทีเคที่จะใช้ ซึ่งตามหลักผู้ใช้คือ สธ.สามารถกำหนดสเปกได้ แต่ กบรส.ก็ต้องตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน เข้ามาร่วมกันพิจารณา อาทิ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ฯลฯ

“ที่มีการหารือกันในเบื้องต้นนั้น เป็นเอทีเคสำหรับให้ประชาชนตรวจด้วยตัวเอง หรือโฮมยูส เพราะบุคลากรก็คือประชาชนคนหนึ่ง และมีหลายส่วนงาน ดังนั้น จึงใช้ชุดตรวจที่สามารถตรวจได้เอง ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นยี่ห้อท็อปตัวไหนเป็นพิเศษ แต่ให้เป็นเอทีเคที่ผ่านการรับรอง และขึ้นทะเบียนกับ อย.ของไทยแล้ว” นพ.กรกฤช กล่าว

ที่มา มติชนออนไลน์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน