สปสช.ชี้แจก ATK 8.5 ล้านชุดช่วงนี้ จังหวะดี สอดรับเปิดกิจการ สร้างความมั่นใจปชช. ย้ำลงทะเบียนแอพฯเป๋าตัง เลือกรับที่ร้านยา หรือแกนนำชุมชน

เมื่อวันที่ 20 ก.ย.64 ผศ.ภญ.ยุพดี ศิริสินสุข รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงการกระจายชุดตรวจโควิด ATK ด้วยตนเองแก่ประชาชน 8.5 ล้านชุดว่า ช่วงนี้เป็นจังหวะที่สถานการณ์จำนวนผู้ป่วยเริ่มเบาบางลง จากช่วงก่อนหน้านี้ และภาคธุรกิจเริ่มเปิดร้านค้าร้านอาหารและการบริการต่างๆ จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้นำ ATK มาเป็นเครื่องมือคัดกรอง ช่วยสร้างความมั่นใจผู้ใช้บริการ และคนในชุมชนก็จะมั่นใจ ใช้ชีวิตประจำวันได้สบายใจมากขึ้น

ขณะเดียวกันหากพบผู้ติดเชื้อก็จะสามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย ในส่วนของ กทม.นั้น จะได้รับการจัดสรร ATK 2.26 ล้านชุด กระจายไปในชุมชนผ่านศูนย์บริการสุขภาพของ กทม. และร้านยา ที่เข้าร่วมโครงการกับ สปสช. ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชันเป๋าตังได้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา มีแบบสอบถามเพื่อคัดกรองความเสี่ยง หากเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยงก็จะได้รับแจก ATK โดยเลือกรับที่ร้านยาใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการ จะมีป้ายสีเหลืองขนาดใหญ่ เขียนว่ารับชุดตรวจ ATK ฟรีที่นี่

ส่วนกรณีของคนในชุมชนต่างๆ หรือคนที่มีข้อจำกัดในการใช้แอพฯ ผ่านสมาร์ทโฟน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง ก็จะใช้ช่องทางพิเศษที่สำนักอนามัย กทม. ร่วมกับศูนย์บริการสาธารณสุข โดยขอความร่วมมือจากประธานชุมชน แกนนำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข ประเมินความเสี่ยงของคนในชุมชนและกระจาย ATK แก่กลุ่มเสี่ยงให้ถึงบ้าน และสำรองบางส่วนไว้ในชุมชน เพื่อที่หากพบผู้มีความเสี่ยงก็สามารถมาขอรับที่แกนนำชุมชนเอาไปตรวจเองที่บ้านได้

นอกจากนี้ สปสช. ยังร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดส่งชุดตรวจ ATK ไปตามสถานคุ้มครองเด็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ หรือศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งต่างๆ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการคัดกรองกรณีมีคนใหม่ๆเข้ามาพักอาศัย

รวมทั้งหารือว่าจะกระจายแก่กลุ่มคนพิการอย่างไร เบื้องต้น พม. มองว่าเครือข่ายในปัจจุบันยังสามารถช่วยให้ผู้พิการเข้าถึง ATK ได้ แต่กรณีที่พบว่ามีกลุ่มที่ยังไม่ได้จริงๆ สปสช.จะใช้มาตรการจัดส่งทางไปรษณีย์ไปให้ถึงบ้าน

“กรณีผลตรวจเป็นบวก ในแอพฯเป๋าตังจะมีให้เลือกว่าจะเข้า Home Isolation ที่ไหน ที่อยู่ปัจจุบันหรือกลับภูมิลำเนาก็ได้ ถ้าเลือกที่อยู่ปัจจุบันใน กทม. ข้อมูลก็จะส่งเข้าระบบแล้วกระจายคนไข้ให้คลินิกที่ตั้งอยู่ใกล้ผู้ป่วยมากที่สุดเป็นผู้ดูแลติดตามอาการ ส่งอุปกรณ์ ส่งข้าวส่งน้ำ หรือถ้าเป็นคนในชุมชนก็จะมี อสส.ช่วยประสานเข้าสู่ระบบการดูแล หรือใช้ช่องทางที่รับรู้กันคือโทรมาที่สายด่วน 1330” ผศ.ภญ.ยุพดี กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน