‘อนุทิน’ ตรวจฉีดวัคซีนโควิดร.ร.สุรศักดิ์มนตรี เผยฉีดแล้ว 2 วันยังไม่พบอาการข้างเคียงรุนแรง เร่งฉีดให้จบก่อนเปิดเทอม เผยวันนี้ไฟเซอร์เข้ามาอีก 1.5 ล้านโดส

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 6 ต.ค.64 ที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช ศธ. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศธ. และผู้บริหารทั้ง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโควิด 19 สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี ของ ร.ร.สุรศักดิ์มนตรี ซึ่งมีนักเรียนทั้งหมด 2,929 คน แจ้งความประสงค์ฉีด 2,505 คน เพื่อรองรับการเปิดเรียนอย่างปลอดภัย

นายอนุทิน กล่าวระหว่างเปิดงานว่า เราต้องการให้ลูกหลานรับวัคซีนเพื่อความปลอดภัย เรียนหนังสือและใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ใช่เรียนออนไลน์จากบ้าน เพราะต้องมีชีวิต มีเพื่อนฝูง สังคม ได้รับการเอาใจใส่จากครูในห้อง โดยวัคซีนที่รับคือไฟเซอร์ ที่ศึกษาวิจัยว่าฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ ขออย่างเดียวหลังจากรับวัคซีนแล้ว ยังต้องเคร่งมาตรการป้องกันโรค

หน้ากากยังใส่หมือนเดิม รักษาระยะห่าง ระมัดระวังอย่าเข้าใกล้เกินไป พูดคุยหัวเราะกันโดยไม่ใส่หน้ากาก สำหรับการฉีดวัคซีนของ ร.ร.สุรศักดิ์มนตรีประมาณ 2,500 คนวันนี้ ใช้หน่วยบริการจากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) มาฉีดวัคซีน ส่วนครูก็รับไปแล้ว

“อยากบอกว่า ลุงตู่ นายกฯ เป็นห่วง เร่งให้รัฐบาลจัดซื้อไฟเซอร์มาฉีดลูกหลานให้เร็วที่สุด ซึ่งมีอีก 4 ล้านคนภายในเดือนนี้ จะได้เปิดเรียนใช้ชีวิตปกติให้มากที่สุด ฝากครูอาจารย์ช่วยดูแลนักเรียน รักษาระยะห่าง ใช้นิวนอร์มัล ปรับตัวตามสถานการณ์ ทุกอย่างก็น่าจะกลับสู่ภาวะปกติ คิดว่าทุกอย่างเรียบร้อยราบรื่นก่อนเปิดเรียน” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ขอบคุณผู้ปกครองที่ให้ความเข้าใจ และร่วมมือให้บุตรหลานมารับวัคซีนโควิด อาการข้างเคียงเป็นเรื่องปกติ แต่ประโยชน์ของการรับวัคซีนมีมากกว่าไม่รับเยอะมาก ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองสบายใจ ลูกหลานรับวัคซีนมีมาตรฐานคุณภาพ ผ่านการขึ้นทะเบียนทั้งองค์การอนามัยโลก และอย. ก่อนมาถึงลูกหลานเรา ผ่านการพิสูจน์มาตรฐานหลายระดับ ขอให้พ่อแม่สบายใจไม่ต้องกังวล

“หลังฉีดวัคซีนแล้วอย่าเพิ่งออกกำลังกาย อย่าใช้แรงมาก 2-3 วัน ดูอาการข้างเคียงมีหรือไม่ บางคนอาจมีไข้เป็นเรื่องปกติ รับประทานยาแก้ไข้ ดื่มน้ำให้มาก แล้วทุกอย่างจะเป็นไปตามปกติ” รมว.สธ. กล่าว

นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า สธ.และ ศธ.ร่วมกันจัดวัคซีนมาฉีดนักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไป เร่งระดมฉีดทั่วประเทศให้ทันเปิดภาคการศึกษาในพ.ย. คือมีเวลา 1 เดือนที่ต้องเร่งฉีด โดยเด็กอายุ 12-18 ปี สามารถรับวัคซีนได้ 5 ล้านคน ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ 3.8 ล้านคน อีก 1 ล้านต้องทำความเข้าใจพ่อแม่ ผ่านทางการแพทย์ อาจารย์ใหญ่ของร.ร.ให้มั่นใจ ให้ผู้ปกครองอนุญาตให้มาฉีด การรับวัคซีนถ้วนหน้าจะป้องกันการติดและแพร่เชื้อใน ร.ร. โดยจัดฉีดในสถานศึกษา

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้มีวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาอีก 1.5 ล้านโดส ตามกำหนดในสัญญา สัปดาห์หน้าจะเข้ามาอีก 1.5 ล้านโดส โดยต.ค.จะเข้ามาทั้งหมด 8 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอกับการฉีดในนักเรียน ส่วนที่เหลือจะฉีดในคนทั่วไป จะเป็นเข็มแรกหรือบูสเตอร์ก็อยู่ที่ดุลพินิจของแพทย์

สำหรับการบูสเตอร์ในเด็ก ถ้ามีข้อมูลว่าควรรับเข็ม 3 เมื่อไรก็จะจัดให้ไม่รอช้า ซึ่งการจัดหาจัดซื้อปีนี้เราทำได้ครบถ้วน และจัดหานำมาเป็นบูสเตอร์เพียงพอสำหรับปีหน้า ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วลงนามจัดซื้อแอสตร้าเซนเนก้า 60 ล้านโดส และอยู่ในการเจรจาอีกหลายราย

รวมถึงไฟเซอร์ก็เจรจา อยู่ในขั้นตอนดำเนินการ ซึ่งไม่วุ่นวายเหมือนปีนี้ เพราะจะมีวัคซีนในท้องตลาดอีกมามายหลายเทคโนโลยี วัคซีนของไทยเองก็จะพัฒนา ซึ่งทุกสถาบันวิจัยก็ให้กำหนดการมาว่า ในปีหน้าน่าจะเห็นวัคซีนไทยเอามาใช้ได้ เพราะการทดลองตามขั้นตอนต่างๆ เป็นไปตามคาดหมาย

เมื่อถามถึงผลการฉีดวัคซีนนักเรียนช่วง 2 วันที่ผ่านมา นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล เรื่องผลข้างเคียง ซึ่งผลข้างเคียงมีได้ แต่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย บางคนมีไข้ เพลีย ก็แนะนำแล้วว่า ช่วงฉีดวัคซีน วันนั้นก็พยายามพักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำเยอะๆ

เมื่อถามถึงการขึ้นทะเบียนฉีดอายุ 3 ขวบขึ้นไปของซิโนแวคและซิโนฟาร์ม นายอนุทิน กล่าวว่า เราขอให้ส่งเอกสารการวิจัยเข้ามามากที่สุด ซึ่งผู้ผลิตเองก็ยังไม่ได้ขอ อย.ในจีน มีแต่ไปทดลองในประเทศที่จำเป็นมากๆ ซึ่งการขึ้นทะเบียนต้องพิจารณาตามมาตรฐาน ดูเปเปอร์ต่างๆ ความปลอดภัย จะใช้ความรู้สึกมาพิจารณาการตัดสินใจสุขภาพ ความปลอดภัย การรับยาวัคซีนไม่ได้ ต้องเป็นไปตามข้อกำหนด

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน