3 วันฉีดวัคซีนนร.แล้ว 7.45 หมื่นราย ตั้งเป้าพ.ย.ฉีดให้ได้ 75 % เท่ามาตรฐานโลก ปลัดสธ.เผยไทยฉีดวัคซีนโควิดได้ 57.3 ล้านโดส เข็มแรกครอบคลุม 46.9%

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า ข้อมูลวันที่ 6 ต.ค. ประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด 19 สะสม 57,387,052 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 33,774,684 โดส คิดเป็น 46.9% เข็มสอง 22,005,722 โดส คิดเป็น 30.5% และเข็มสาม 1,606,646 โดส คิดเป็น 2.2% โดยการฉีดเข็มแรกของกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้แก่ บุคลากรสาธารณสุข 123.5% เจ้าหน้าที่ด่านหน้า 62.3% อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) 72.5% ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 62% ประชาชนทั่วไป 44.3% ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 59.3% หญิงตั้งครรภ์ 14% และนักเรียนอายุ 12-17 ปีที่เริ่มคิกออฟวันที่ 4 ต.ค. ฉีดแล้ว 7.4 หมื่นราย คิดเป็น 1.7%

“วัคซีนจะมีเพียงพอและสามารถจัดการให้ฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุด โดยเป้าหมายสิ้น ต.ค.นี้ จะฉีดเข็มแรก 43 ล้านคน คิดเป็น 61% เข็มสอง 26 ล้านคน คิดเป็น 37% ส่วนสิ้น พ.ย. เข็มแรกจะได้ 75% เข็มสอง 55% จะถือว่าได้ตามมาตรฐานโลกในการฉีดวัคซีนของประเทศที่พัฒนาแล้ว และสิ้น ธ.ค.เข็มแรกจะได้ 85% และเข็มสองครอบคลุม 70% เรียกว่าเกือบทุกคนในประเทศไทยจะได้รับอย่างน้อยสองเข็ม และเข็มสามจะค่อยๆ เพิ่มต่อไป ทั้งนี้ หากทุกอย่างเป้นไปตามแผน คาดว่าวันที่ 1 ม.ค. 2565 สถานการณ์ต่างๆ น่าจะคลี่คลายได้มาก การดำเนินชีวิตต่างๆ คงกลับมาแบบปกติสุขในแบบนิวนอร์มัลต่อไป” นพ.เกียรติภูมิกล่าว

ด้าน นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กล่าวว่า การฉีดวัคซีนในนักเรียนจนถึงเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ฉีดแล้วประมาณ 74,500 ราย ซึ่งบางคนรู้สึกว่า คิกออฟแล้วน่าจะฉีดวันละหลายหมื่นหรือแสนราย แต่การฉีดในนักเรียนมีการวางแผนตามความพร้อม ซึ่งโรงเรียนหลายแห่งกำลังสอบอยู่ อย่างใน กทม.เรียนออนไลน์ก็สอบปลายภาคช่วงนี้ จึงอยู่ที่ความพร้อมการกำหนดจุดบริการ และการฉีดยังเป็นวัคซีนชนิด mRNA ที่ต้องดูแลอุณหภูมิอย่างดี

ส่วนข้อกังวลอาการไม่พึงประสงค์ คือ อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ถือว่าเจอต่ำมาก ซึ่งก่อนเริ่มฉีดกลุ่มนักเรียน ก็มีการฉีดเด็กที่มีโรคประจำตัวแสนราย พบอาการนี้ประมาณ 6 ราย แปลว่าอีก 9.9 แสนราย ไม่มีอากา แต่ที่ต้องเตือนก็เพื่อหากมีอาการ คือ แน่นหน้าอก ใจสั่น หายใจเหนื่อย หน้ามืด หมดสติ จะได้ไปดูแล ซึ่งรักษาหายได้ โดยให้สังเกตอาการช่วงหลังฉีด 1-5 วันแรก หากมีอาการสงสัยให้บอกผู้ปกครอง ถ้าเรียนอยู่ให้บอกครู เพื่อรับไปดูแล โดยวัคซีนมีความปลอดภัย ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แจ้งว่าเดิมมีการแสดงความจำนงฉีด 3.6 ล้านคน ตอนนี้เพิ่มอีกเป็นหลักแสน ก็สามารถจัดสรรดูแลเรื่องวัคซีนได้ต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนที่ต้องศึกษาเล่าเรียน ครอบครัว และช่วยลดการระบาดลงต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน