พบโควิดไทยลดลง ตามกระแสโลก แต่ลดไม่มาก มีระบาดหนักหลายพื้นที่ ระดมวัคซีนฉีดด่วน คาดสัปดาห์หน้าฉีดได้ 70 ล้านคนเร็วกว่าที่กำหนด 2 เดือน

วันที่ 21 ต.ค.2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวัน ว่า ขณะนี้สถานการณ์โควิดในไทยมีแนวโน้มลดลง แต่ลดลงไม่มากนัก มีบางพื้นที่สถานการณ์การระบาดเกลับพิ่มขึ้น นอกจาก 4 จังหวัดชายแดนใต้ยังมีนครศรีธรรมราช ตาก ระยอง จันทบุรี เชียงใหม่ และขอนแก่น

ดังนั้น จึงต้องระดมสรรพกำลังสาธารณสุข นอกจากส่งวัคซีนไปแล้วยังต้องส่งเวชภัณฑ์ บุคลากรไปสนับสนุนเพิ่มเติมด้วย โดยแนวโน้มการระบาดของไทยลดลงที่เห็นชัดเจนคือ กทม.และปริมณฑล สถานการณ์ดีขึ้น สอดคล้องกับการระดมสรรพกำลังช่วยกันควบคุมและการฉีดวัคซีนที่ค่อนข้างดี

ที่ต้องจับตาคือการระบาดพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน ทางศบค.ได้ตั้งศบค.ส่วนหน้าบูรณาการภาครัฐ เอกชน ประชาชน และประชาสังคม

ทั้งนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขส่งวัคซีนลงไปฉีดเพิ่มเติม 4 จังหวัดชายแดนใต้ ล็อตแรกประมาณ 5 แสนโดส และสัปดาห์นี้ส่งอีก 5 แสนโดส ให้ครบ 1 ล้านโดส เพื่อควบคุมการระบาดให้เร็ว ไม่ให้ลุกลามไปพื้นที่อื่นของประเทศ

ส่วนการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 20 ต.ค. ฉีดเพิ่มขึ้น 915,956 โดส สะสม 68,503,058 โดส เป็นเข็มแรก 39,039,849 ราย คิดเป็น 54.2% ของประชากร เข็มสอง 27,405,800 ราย คิดเป็น 38% ของประชากร และเข็มสาม 2,057,409 ราย คิดเป็น 2.9% ของประชากร แนวโน้มเป้าหมายตามแผนเดิมสิ้นปีจะฉีด 70 ล้านโดส เชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะเกินเป้าหมาย แสดงว่าเราฉีดเร็วกว่าแผนเดิมกว่า 2 เดือนกว่า

ต่อมาทางนายกรัฐมนตรีจะกำหนดให้ฉีดครอบคลุมมากขึ้นสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้ 100 ล้านโดส ถ้ายังร่วมใจกัน วัคซีนที่มามีจำนวนมากขณะนี้ และประชาชนร่วมมือไปรับวัคซีน เชื่อว่าเดือนพ.ย. หรือต้น ธ.ค.น่าจะฉีดได้ครบ 100 ล้านโดสตามที่กำหนด

ส่วนกลุ่มฉีดวัคซีนมากที่สุดคือ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง อสม. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงและมีโอกาสสัมผัสผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ภาพรวมทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย

วันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิดรักษาหาย 10,075 คน แนวโน้มรักษาหายจะมากกว่าติดเชื้อรายใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ติดเชื้อใหม่ 9,727 คน ส่วนผู้ที่มีอาการปอดอักเสบลดลงเหลือ 2,687 ราย เทียบกับระยะที่ระบาดมากๆ ขึ้นไป 4-5 พันคน สอดคล้องกับคนมีอาการหนักมากใส่เครื่องช่วยหายใจ จาก 1,300 กว่าคน เหลือ 603 คน เสียชีวิต 73 คน ก็ลดลงเรื่อยๆ เทียบกับสถานการณ์ทั่วโลก

แม้การติดเชื้อทั่วโลกจะทรงตัว 3-4 แสนรายต่อวัน แต่การระบาดยังอยู่ในสหรัฐ ยุโรป และอเมริกาใต้ ส่วนบ้านเราสถานการณ์เบาบางลง แต่ยังมีผู้ติดเชื้อค่อนข้างมากเทียบกับในอาเซียนที่มีการติดเชื้อมากคือมาเลเซียและฟิลิปปินส์

ส่วนผู้เสียชีวิต แม้มีแนวโน้มลดลง แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวถึง 94% มาตรการสำคัญที่ลดการเสียชีวิต นอกจากการป้องกันแล้วยังต้องฉีดวัคซีน สำหรับ กทม.แนวโน้มติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง

ถ้าร่วมมือป้องกันตามมาตรการต่างๆ ต่อเนื่อง เชื่อว่าอีกไม่นานจะเห็นผู้ป่วยในกทม.ต่ำกว่า 1 พันราย และที่เพิ่มเติมคือจังหวัดชายแดนใต้ ต้องอาศัยความร่วมมือแก้ปัญหาควบคุมการระบาดต่อไป

สิ่งที่ต้องระวังคือสถานที่เสี่ยง โดยเฉพาะวันหยุด 4 วันนี้ จะมีการเคลื่อนที่เคลื่อนย้ายไปเที่ยว ไปทำกิจกรรม หรือพิธีทางศาสนา จังหวัดต่างๆ ขอให้เน้นย้ำเรื่องป้องกันตนเองสูงสุด ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ รวมถึงเข้าสถานที่เสี่ยงอากาศถ่ายเทไม่สะดวกให้ระมัดระวัง รวมถึงผู้มีปัจจัยเสี่ยงสูง ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ให้แจ้งสาธารณสุขจังหวัดหรือโรงพยาบาลพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมที่สุด

ระยะหลังประเทศไทย มีอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นน่าพอใจ ติดอันดับต้นๆ ของโลก แต่พื้นที่จำเพาะซึ่งนายกฯ กำหนดพื้นที่พิเศษสีฟ้านำร่องการท่องเที่ยว ต.ค.เปิดไปแล้ว 4 จังหวัด ที่ภูเก็ต กระบี่ พังงา และระนอง มีการฉีดวัคซีนตรงตามเป้าหมาย ระยะถัดไปที่เพิ่มเติม 15 จังหวัด การฉีดครอบคลุม 70% แล้ว

อย่างไรก็ดีกลุ่มนี้ยังขาดการฉีดอีก 6 แสนกว่าคน ทางกระทรวงสาธารณสุขจะส่งวัคซีนลงไปให้พื้นที่ เพื่อครอบคลุมพร้อมเปิดประเทศใน 17 จังหวัดเป้าหมายในเดือนพ.ย.ต่อไป ส่วนพื้นที่ระบาดที่จับตาดู มีการส่งวัคซีนลงไปฉีดอย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง

คาดว่าจำนวนวัคซีนที่มีกับสถานการณ์ระบาดกับพื้นที่เป้าหมายน่าจะสอดคล้องกัน ขอให้ประชาชนไปรับวัคซีนตามที่กำหนด หรือตามประกาศเชิญชวนด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน