สธ.เผยโควิดติดเชื้อคงตัว อัตราปอดอักเสบลดลง จับตา 10 จังหวัดโควิดพุ่ง เปิดประเทศแล้วยังต้องร่วมมือควบคุมโรคผ่าน 4 มาตรการหลัก การระบาดจะลดลง

เมื่อวันที่ 28 ต.ค.64 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวว่า เราผ่านการระบาดที่มีจำนวนคนติดเชื้อมากๆ มาแล้ว กำลังเข้าสู่การเปิดประเทศ ซึ่งการฉีดวัคซีนเป็นมาตรการหลัก แต่ไม่ใช่มาตรการเดียว จำเป็นต้องใช้มาตรการเสริมเพิ่มเติมจึงจะสำเร็จ

ภาพรวมฉีดสะสม 72 ล้านโดส เข็ม 1 ฉีด 41 ล้านโดส คิดเป็น 57% เข็ม 2 จำนวน 29 ล้านโดส คิดเป็น 40.9% และเข็ม 3 ฉีด 2.2 ล้านโดส คิดเป็น 3% ประเทศไทยฉีดเป็นอันดับ 3 ของอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย ซึ่งฉีดไป 185 ล้านโดส และเวียดนาม 74 ล้านโดส แต่ครอบคลุมประชากรน้อยกว่าประเทศไทย เพราะเวียดนามมีประชากรมากกว่า

สำหรับสัปดาห์นี้ มีวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาเพิ่ม 1.5 ล้านโดส รวมส่งมาแล้ว 8 ล้านโดส เป้าหมายช่วงนี้ยังเป็นการฉีดในเด็กนักเรียน ซึ่งในเขตสุขภาพที่ 1-12 จัดสรรให้ 3.89 ล้านโดส ภาพรวมฉีด 68.9% เข็มที่ 1 จำนวน 2.68 ล้านโดส บางส่วนเริ่มทยอยฉีดเข็ม 2 แล้ว ยังมีวัคซีนอยู่ในพื้นที่ราวๆ 9 แสนโดส ไม่มีปัญหาการขาดแคลนและแจ้งความต้องการฉีดเพิ่ม 4.27 แสนคน ทั้งนี้ เขตสุขภาพที่ 10 ฉีดมากสุดอยู่ที่ 82%

ส่วนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) จัดทำแผนเสนอมาที่ สธ. ดูความพร้อมแผนรองรับ และติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ และทำงานร่วมกับกระทรวง หน่วยงานต่างๆ ด้วย ส่วนการฉีดวัคซีนภาพรวม 66% โดยเข็ม 1 คิดเป็น 77.7% เข็ม 2 คิดเป็น 56.5% โดย กทม.ฉีดเข็ม 1 จำนวน 8.3 ล้านโดส เกินเป้าหมาย 7.9 ล้านคน

ส่วนจังหวัดที่มีอัตราการฉีดสูง คือ ภูเก็ต และชลบุรี ฉีดวัคซีนครอบคลุม 80% ส่วนจังหวัดอื่นๆ ตัวเลขลดหลั่นกัน ขณะที่จังหวัดจับตามอง 10 จังหวัด คือ ตาก ราชบุรี จันทบุรี ระยอง นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เพราะมีคลัสเตอร์และแนวโน้มเชิดหัวขึ้น เน้นส่งวัคซีนไปฉีดเพิ่มเติม ภาพรวมฉีดเข็ม 1 จำนวน 5.5 ล้านโดส คิดเป็น 50.6%

ขณะที่สถานการณ์การระบาดของโควิดในภาพรวมขณะนี้ยังติดเชื้อต่อเนื่อง แต่อัตราปอดอักเสบลดลงเรื่อยๆ ในรอบ 2-3 สัปดาห์ ผู้เสียชีวิตต่ำกว่า 100 ราย มาสักระยะ แต่ยังแกว่งตัวอยู่ บางวันสูงขึ้น คาดการณ์ฉากทัศน์การรระบาดของโควิดในไทยหลังเปิดประเทศ ถ้ายังร่วมมือกัน ค่าการระบาดอยู่ที่ 25% หรือเทียบกับก่อนล็อกดาวน์แนวโน้มก็จะติดเชื้อลดลง

ซึ่งตรงนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกับ 4 มาตรการหลักอย่างเข้มข้น คือป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด มาตรการโควิดฟรีแอเรีย ตรวจ ATK เฝ้าระวังกลุ่มต่างด้าว และฉีดวัคซีนกลุ่มเป้าหมาย

“แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ปล่อยให้อัตราการแพร่กระจายสูงเหมือนก่อนล็อกดาวน์ ซึ่งอาจจะกลับมาถึงวันละ 1 หมื่นราย แต่จำนวนการติดเชื้อไม่ใช่ตัวชี้วัดความรุนแรงของสถานการณ์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูระบบว่าพร้อมรองรับหรือไม่ คนยังสามารถเข้ารับบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้อย่างเพียงพอ” นพ.เฉวตสรร กล่าว

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน