ศบค.ย้ำเปิดเทอมวันแรกไม่ต้องตรวจ ATK นักเรียนแบบปูพรมทุกสัปดาห์ ตรวจเฉพาะกลุ่มเสี่ยง หากพบติดเชื้อไม่ต้องปิดทั้งโรงเรียน ให้สอบสวนโรค ปิดเฉพาะจุด

เมื่อวันที่ 1 พ.ย.64 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา ฉีดวัคซีนโควิด 19 เพิ่มขึ้น 320,719 โดส สะสม 75,710,277 โดส เป็นเข็ม 1 ครอบคลุม 58.8% เข็มสอง 42.9% และเข็มสาม 3.3% จำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนภาคเหนือและอีสาน ซึ่งเป็นพื้นที่ติดขอบแนวชายแดน

ซึ่งที่ประชุมห่วงภาคอีสานที่เทียบกับพื้นที่อื่นของประเทศที่ฉีดวัคซีนค่อนข้างน้อย ส่วนพื้นที่สีฟ้า 17 จังหวัด มีไม่กี่จังหวัดที่ฉีดวัคซีนไม่ถึงเกณฑ์เป้าหมาย 70% โดย พ.ย.นี้ ตั้งเป้าทั่วประเทศต้องครอบคลุม 70% ขอให้จังหวัดสีฟ้าเร่งฉีดให้ทัน ช่วงนี้วัคซีนมีเพียงพอ โดยเฉพาะจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวและแรงงาน

ซึ่ง ศบค.ชุดเล็กหารือแนวทางบริหารวัคซีนให้แรงงานต่างด้าว อธิบดีกรมควบคุมโรคลงนามแล้ว เมื่อวัคซีนเพียงพอแต่ละจังหวัดจะประกาศให้ผู้ประกอบการนำต่างด้าวในความดูแลไปฉีดวัคซีน ถ้าวัคซีนเป็นไปตามแผนจะมี 24 ล้านโดสเข้ามาในประเทศ เราจะมีเพียงพอสำหรับครอบคลุมชาวไทย และจากนี้เริ่มฉีดแรงงานต่างด้าวภาคธุรกิจในบ้านเราด้วย

ส่วนวันนี้หลายโรงเรียนเปิดเทอมวันแรก สอบถามถึงการตรวจ ATK ตามข้อกำหนดฉบับที่ 34 ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประกาศไว้เรื่องหลักเกณฑ์เปิดโรงเรียน เมื่อวันที่ 18 ต.ค.64 ระบุว่า การตรวจคัดกรองโควิดในโรงเรียน คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม. จะกำหนดตามความเหมาะสมของการระบาดในพื้นที่ แยกทั้งระดับอำเภอและจังหวัด ซึ่งแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม มาตรการหลักคือโรงเรียนต้องประเมินตนเองผ่าน Thai Stop COVID แล้วคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะช่วยประเมิน ครู บุคลากรทางการศึกษาต้องฉีดวัควีนตามเกณฑ์ ต้องประเมินตนเองผ่านไทยเซฟไทย ว่ามีไข้ มีอาการทางระบบทางเดินหายใจหรือไม่ มีประวัติสัมผัสคนเสี่ยงหรือญาติสนิทคนในครอบครัวติดเชื้อหรือไม่ พ่อแม่ผู้ปกครองก็ต้องประเมินตนเองทุกวันด้วย

“การตรวจ ATK เน้นย้ำคงไม่ใช่การตรวจนักเรียนทุกคน ไม่จำเป็นต้องตรวจแบบปูพรมทุกคน และไม่ต้องตรวจทุกสัปดาห์ อย่างที่บอกว่าขึ้นกับสถานการณ์แพร่ระบาดในพื้นที่ แต่ละอำเภอ จังหวัดจะประกาศต่างกัน กรมควบคุมโรคแนะนำตรวจนักเรียนกลุ่มเสี่ยง เช่น มีประวัติคนในบ้านติดเชื้อ หรือสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ทั้งนี้ อาจใช้มาตรการขอให้หยุดเรียนกักตัวครบ 14 วัน” พญ.อภิสมัย กล่าว

ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ส่วนโรงเรียนเน้นย้ำจัดเก้าอี้ โต๊ะ เว้นระยะห่าง จัดสถานที่เหมาะสม อากาศระบายถ่ายเท งดกิจกรรมรวมกลุ่ม กีฬา กิจกรรมต่างๆ ที่เด็กหลายชั้นมาร่วมกิจกรรม เมื่อเฝ้าระวังเข้มงวด หากติดเชื้อในโรงเรียน ขอให้ผู้บริหารโรงเรียน คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาอย่างรอบคอบ

การปิดโรงเรียนอาจไม่ใช่คำตอบ ต้องสอบสวนโรค เช่น นักเรียนติดเชื้อแพร่ต่อไปยังเพื่อนอีกห้องหนึ่ง อาจไม่ต้องปิดทั้งโรงเรียน แต่สอบสวนโรคทันที ว่าชั้นเรียนไหน คุณครูคนไหนสอน มีความเสี่ยงถอดหน้ากากตรงไหน การสอบสวนโรคทำให้เกิดแนวทางครอบคลุมไปที่ชั้นเรียนเสี่ยง กลุ่มเด็กเสี่ยง เลือกปิดเฉพาะชั้นหรือครูที่เสี่ยงสัมผัส

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน