สธ.เห็นชอบตาม คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค สร้างเสริมภูมิ ไฟเขียว ฉีดวัคซีนโควิดชั้นผิวหนัง ประสิทธิผลใกล้เคียงกัน แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า

วันที่ 5 พ.ย.64 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ประชุมเมื่อวันที่ 4 พ.ย. และมีมติซึ่งนำเสนอต่อศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์และสาธารณสุข (อีโอซี) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เห็นชอบให้ไปดำเนินการ คือ การฉีดวัคซีนโควิดชั้นผิวหนัง ซึ่งลดลดปริมาณวัคซีนลงได้ คณะกรรมการพิจารณาประสิทธิผล พบว่า การฉีดเข้าชั้นผิวหนังเมื่อเทียบกับการฉีดเข้ามกล้ามเนื้อตามปกติ ประสิทธิผลใกล้เคียงกัน แต่ภาวะแทรกซ้อนผลข้างเคียงที่พบในผิวหนังเห็นชัดกว่า แต่ผลข้างเคียงภาพรวมการเป็นไข้ลดน้อยลง เพราะใช้วัคซีนน้อยกว่า

จึงมีมติว่าการฉีดเข้าผิวหนังใช้ได้กรณีมีวัคซีนปริมาณจำกัด เช่น ช่วงที่ไม่พอฉีดเข้ากล้ามอาจฉีดได้ 1 คน แต่ฉีดเข้าชั้นผิวหนังฉีดได้ 3-5 คน ก็ทำให้ฉีดได้มากขึ้น

โดยช่วงนี้มีไข้หวัดใหญ่ระบาด และเรามีวัคซีนป้องกัน เดิมแนะนำฉีดห่าง 4 สัปดาห์ ลดเหลือ 2 สัปดาห์ แต่คำแนะนำใหม่ คือ เราเห็นว่าวัคซีนโควิดปลอดภัยค่อนข้างสูง ฉีดเกือบ 80 ล้านโดสแล้วผลที่เกิดจากวัคซีนที่รุนแรงมีไม่มาก จึงให้ฉีดวัคซีน 2 ตัวนี้ไปพร้อมกันได้

“ส่วนกรณีที่มีความจำเป็นต้องไปต่างประเทศ ไปเรียนหนังสือ แข่งกีฬา ทำธุรกิจ เยี่ยมลูกที่เรียนหนังสือ ปลายทางมีข้อกำหนดเรื่องการฉีดวัคซีนต่างกัน บางรัฐในสหรัฐฯ ไม่ต้องฉีดก็เข้าได้ ฉีดตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำก็เข้าได้ หรือบางประเทศฉีดแอสตร้าฯ บางประเทศฉีดไฟเซอร์ ถ้าต้องไปประเทสปลายทางที่กำหนดวัคซีนอะไร ให้จุดฉีดนั้นๆ อยู่ในดุลพินิจฉีดตามความต้องการของผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทสได้ เพราะเรามีวัคซีนค่อนข้างเพียงพอ ดูเป็นรายกรณีไปให้ดำเนินการได้” นพ.โอภาสกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน