ศบค.เผยโควิดเข้าสู่ระลอกที่ 5 วันนี้ติดเชื้อ 7.9 พันราย ATKบวกอีก 1.2 พันราย คาดปลาย ม.ค.แตะ 2 หมื่น – 3 หมื่น โอมิครอน เพิ่มทุกสัปดาห์ พบคลัสเตอร์ร้านอาหาร สถานบันเทิง และสังสรรค์ปีใหม่ เจอติดเชื้อเพียบ
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผอ.สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค เป็นตัวแทน ศบค.แถลงข่าวสถานการณ์โควิด 19 ว่า จากการออกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 41 ที่มีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 9 ม.ค. มีเรื่องหนึ่งคือการขยายการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งต้องไม่กระทบต่อการบริการประชาชนหรือองค์การนั้นๆ
อย่างล่าสุด คือเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีติดโควิด 3 ราย จากการสอบสวนพบว่าเชื่อมโยงการได้รับเชื้อช่วงปีใหม่ แต่หลังประกาศการทำงานที่บ้าน ทำให้มีผู้เสี่ยงสูงไม่เกิน 5 คน และรับการแยกกักรักษาแล้ว เป็นตัวอย่างที่ว่าหน่วยงานทำตามมาตรการและไม่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดเพิ่มเติม ที่อาจพบผู้ติดเชื้อหรือสัมผัสเสี่ยงสูงมากกว่านี้
ส่วนสถานการณ์โควิดของประเทศวันนี้ เราจะเริ่มรายงานระลอก ม.ค. 65 การนับระลอกมีหลายแบบ ถ้านับตามการติดเชื้อ นับเป็นระลอกที่ 5 ถ้านับตามจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นยอดการเพิ่มขึ้นแต่ละครั้ง ถือเป็นระลอกที่ 4 จึงขอเรียกว่าเป็นระลอก ม.ค. 2565 เพื่อเข้าใจตรงกัน
โดยวันนี้มีผู้ติดเชื้อ 7,926 ราย หายป่วย 3,612 ราย ยังรักษา 58,159 ราย มีปอดอักเสบ 495 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 115 ราย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ยอดหายป่วยน้อยกว่ารักษาตัว มาจากการมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นด้วย สำหรับผู้ติดเชื้อวันนี้มาจากการติดเชื้อต่างประเทศถึง 412 ราย ส่วนหนึ่งอยู่ในจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว ส่วนผู้เสียชีวิตวันนี้ 13 ราย ค่ากลางอายุคือ 77 ปี 100% เป้นกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโรคเรื้อรัง ส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับไม่ครบโดส ไม่มีผู้เสียชีวิตจาก กทม.
สัดส่วนการตรวจ ATK วันที่ 9 ม.ค. 52,329 คน บวก 1,262 คน คิดเป็น 1.23% มีแนวโน้มทิศทางเพิ่มขึ้น รายงานจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรื่องการเฝ้าระวังสายพันธุ์ พบสายพันธุ์โอมิครอน จำนวน 5,397 ราย กระจาย 71 จังหวัดเกือบทั่วประเทศ ตั้งแต่ พ.ย.-9 ม.ค. พบเชื้อเดลตา 64.71% โอมิครอน 35.17% นอกจากนี้เป็นเบตาและอัลฟา ถ้าสัปดาห์ล่าสุดช่วง 2-8 ม.ค. พบโอมิครอน 70.3% และเดลตา 29.7% ถ้าดูตามรายสัปดาห์โอมิครอนก็แพร่เพิ่มมากขึ้นตามการคาดการณ์ โดยสัปดาห์ล่าสุดสัดส่วนโอมิครอนนั้น 91.3% มาจากผู้เดินทางจากต่างประเทศ และพบในประเทศ 57.9%
ผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 412 คน พบว่า 62% มาจากระบบ Test&Go 36% จากแซนด์บ็อกซ์ และ 3% จากการกักตัว จากการวิเคราะห์คนที่เดินทางเข้ามาแม้จำนวนลดลง แต่สัดส่วนติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน พบการติดเชื้อตอนตรวจช่วงวันที 4-7 มากที่สุด
10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด คือ 1.ชลบุรี 767 ราย 2.สมุทรปราการ 693 ราย 3.กทม. 534 ราย 4.ภูเก็ต 513 ราย 5.อุบลราชธานี 383 ราย 6.นนทบุรี 261 ราย 7.นครศรีธรรมราช 227 ราย 8.ขอนแก่น 203 ราย 9.เชียงใหม่ 200 ราย และ 10.อุดรธานี 182 ราย โดยจังหวัดที่ติดเชื้อหลักร้อยมี 18 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ในเขตเศรษฐกิจ นำร่องท่องเที่ยวสีฟ้า ซึ่งจะต้องเข้มมาตรการป้องกันกิจกรรมต่างๆ ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ส่วนรายงานน้อยที่สุดวันนี้คือลำพูน
การจำแนกตามคลัสเตอร์ ตลาดพบที่ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี ปทุมธานี พิษณุโลก , แคมป์คนงานพบที่นครราชสีมา , โรงเรียน นครปฐม , ค่ายทหาร ประจวบคีรีขันธ์ , สถานพยาบาล กทม. ปทุมธานี , เจอมากช่วงปีใหม่ ร้านอาหาร สถานบันเทิง ขอนแก่น บุรีรัมย์ พะเยา นนทุบรี ชลบุรี นครราชสีมา นครปฐม น่าน ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี มีรายงานอย่างต่อเนื่อง คลัสเตอร์แต่ละจังหวัดคล้ายกัน คือร้านอาหารกึ่งสถานบันเทิง คือยังไม่มีการดำเนินงานภายใต้มาตรการความปลอดภัย เพิ่มการแพร่ระบาดของเชื้อมากขึ้น และลงไปในระดับชุมชนและครอบครัว ต้องเฝ้าะรวังควบคุมใกล้ชิดมากขึ้น
“วันนี้เราเฝ้าระวังคลัสเตอร์ปีใหม่ วันนี้รับรายงานจากหลายจังหวัด งานสังสรรค์งานเลี้ยงปีใหม่ เป็นไปตามคาดการณ์ พบที่อุบลราชธานี 33 ราย ขอนแก่น 25 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 22 ราย นครศรีธรรมราช 13 ราย ราชบุรี 8 ราย ลพบุรี 7 ราย พะเยา 6 ราย น่าน 8 ราย อำนาจเจริญ 5 ราย ชลบุรี 5 ราย ยโสธร 6 ราย และมหาสารคาม 4 ราย
นอกจากนี้ ยังพบงานเลี้ยงวันเกิด 1 งานที่จันทบุรี ปัจจัยการแพร่คือการดื่มกินในสถานที่คนหนาแน่นจำนวนมาก อากาศไหลเวียนไม่ดี ดื่มสุราพูดคุยเสียงดัง ใช้เวลายาวนาน ทำให้แพร่เสี่ยงติดเชื้ออย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ปีใหม่มาทั้งคลัสเตอร์ร้านอาหารเลี้ยงฉลองปีใหม่ จึงไปด้วยกัน” พญ.สุมนีกล่าว
กรณีนี้เมื่อพบติดเชื้อควรแยกตัวเองจากผู้อื่น เข้าสู่ระบบการรักษา คนเสี่ยงสูงให้แยกตัวเอง สังเกตอาการทางเดินหายใจ ซึ่งโอมิครอนอาการไข้จะไม่เยอะเท่าเดลตา ถ้ามีอาการทางเดินหายใจ ไม่มีไข้ ไปสถานที่เสี่ยง ควรตรวจด้วย ATK หากบวก แยกกักที่บ้าน เข้าระบบ HI CI
ส่วนจำนวนภาพรวมการติดเชื้อทั้งหมดสถานการณ์จริง ไต่ระดับกราฟสีเทา ถ้าไปตามสีเทาเรื่อยๆ ปลาย ม.ค.อาจมีติดเชื้อถึง 2 หมื่นกว่าราย และปลาย ก.พ.อาจไปถึง 3 หมื่นกว่าราย การคาดการณ์เสียชีวิตยังเป็นแนวทางเดียวกับโลก คือ ไต่ต่ำกว่าเส้นสีเขียว เพาะรับวัคซีนครอบคลุม คนปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขเคร่งครัด
จังหวัดที่ติดเชื้อมาก 10 อันดับแรก และมากกว่าร้อยราย นำร่องท่องเที่ยว เตรียมทำแนวทางผล ATK บวก อาการน้อย ติดต่อ 1330 หรือคอลเซนเตอร์จังหวัดนั้นๆ เพื่อเข้าระบบ แต่หากมีอาการหนัก เช่น เสี่ยงสูง มากกว่า 60 ปี โรคประจำตัว หายใจหอบเหนื่อย ไข้มากกว่า 39 องศามากกว่า 1 วันจะส่งต่อเข้ารักษาใน รพ. นอกจากนี้ ยังเตรียมระบบดูแลกลุ่มเด็กด้วย ยาต้านไวรัสแบบน้ำ และเตรียมพร้อมรักษาเด็กใน CI ด้วย
“คนที่สงสัยว่าไปสถานที่เสี่ยง กิจกรรมเสี่ยง ให้สังเกตอาการ กรมการแพทย์ได้เก็บข้อมูล ลักษณะอาการของโอมิคีรอนเห็นว่า 48% ไม่มีอาการ ส่วนอาการที่พบเยอะสุดคือไอ 54% เจ็บคอ 37% ไข้ 29% ” พญ.สุมนีกล่าว
