ย้ำติดโควิด ไม่ต้องกินยาต้านไวรัสทุกราย ยกกรณีโจ ไบเดน ปธน.อเมริกา เจอปรากฏการณ์รีบาวนด์ เหมือนหายดี แต่เป็นไข้ พบเชื้อใหม่
วันที่ 1 ส.ค.2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยโควิด 19 อยากได้รับยาต้านไวรัส ว่า การให้ยาต้านไวรัสเป็นวิธีหนึ่งในการรักษาผู้ป่วยโควิด ซึ่งคนทั่วไปที่แข็งแรง ฉีดวัคซีนครบถ้วนตาม สธ.แนะนำ ส่วนใหญ่จะอาการน้อย กลุ่มนี้ไม่จำเป็นต้องกินยาต้านไวรัส เพราะมีทั้งข้อดีข้อเสีย
“ขณะนี้เรากำลังเจอปรากฏการณ์ใหม่ การรีบาวนด์ (Rebound) ซึ่งนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่รับยาต้านไวรัสแพกซ์โลวิด ดูเหมือนหายดีขึ้นและกลับมาเป็นไข้ใหม่ได้และพบเชื้อใหม่”
โดยวิธีดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นดุลยพินิจแพทย์ในการวินิจฉัยพิจารณาผู้ป่วยแต่ละคนอยู่ในเกณฑ์เหมาะสมหรือไม่ การให้หรือไม่ให้ยาต้านไวรัสอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งเป็นผู้ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจทางห้องปฏิบัติการผู้ป่วยโดยตรง เข้าใจว่าความสับสนของประชาชนคือ เข้าใจว่าผู้ป่วยทุกคนต้องรับยาต้านไวรัส
ขอย้ำว่ายาต้านไวรัสก็เป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง มีทั้งข้อดีข้อเสีย กินไม่ถูกเกิดผลข้างเคียง เกิดผลเสียระยะยาว การให้ยาปฏิชีวนะให้ขึ้นกับดุลยพินิจแพทย์เป็นไปตามมาตรฐานสากล
โดยกรณีของปธน.สหรัฐอเมริกานั้น มีสมมติฐานว่าอาจเกิดจากรับยาต้านไวรัสเข้าไป และยาไม่สามารถกำจัดเชื้อในร่างกายคนบางคนให้หมดไป พอหยุดยาไป เชื้อที่ซ่อนอยู่ก็กลับมาแบ่งตัวขึ้นมาใหม่ รายละเอียดต้องติดตามต่อไป
ทั้งนี้การให้ยาต้านไวรัสที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกวิธี แทนที่จะเกิดข้อดี อาจจะเกิดดื้อยาได้ ย้ำการพิจารณาเลือกยาต้องให้เหมาะสมกับบุคคล ซึ่งคนที่พิจารณาได้ดีที่สุดคือแพทย์ที่ดูแลคนไข้รายนั้น คนไข้ทั่วไปไม่ต้องกินทุกคน