35 จังหวัด ป่วยโควิด เพิ่มมากกว่า 5% จับตาเปิดเทอม ส่อเพิ่มมาตรการหากระบาด แนะตรวจ ATK เด็กป่วยตาแดงตาแฉะ พร้อมรับวัคซีนเพิ่ม

วันที่ 20 เม.ย. 2566 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในเวทีอบรม “COVID-19 : สายพันธุ์ XBB.1.16 สำคัญอย่างไร?” ว่า สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก สัปดาห์ที่ผ่านมา 3 อันดับแรกที่มีรายงานผู้ป่วยมาก ได้แก่ เกาหลีใต้ 75,000 ราย เสียชีวิต 48 ราย อินเดีย ราว 64,000 ราย เสียชีวิต 162 ราย และญี่ปุ่น 56,000 ราย เสียชีวิต 139 ราย แต่ประเทศที่เสียชีวิตมากที่สุด คือ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย พบเสียชีวีตหลายร้อยราย

สำหรับประเทศไทยช่วงวันที่ 9-15 เม.ย. 2566 เมื่อเปรียบเทียบจำนวนผู้ป่วยกับสัปดาห์ก่อนหน้า มี 35 จังหวัดที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากกว่า 5% อีก 4 จังหวัดเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 5% ที่เหลือลดลงมากกว่า 5% สะท้อนให้เห็นว่าการระบาดเริ่มต้นจากเมืองใหญ่ๆ ส่วนอัตราการครองเตียงระดับ 2-3 อยู่ที่ 0.4% แนวโน้มผู้ป่วยที่รักษาใน รพ. และอาการหนักเพิ่มขึ้นหลังสงกรานต์ ตามคาดการณ์ว่า จะมีผู้ป่วยสูงขึ้น 2 ช่วง คือ หลังสงกรานต์และฤดูฝน

“ส่วน XBB.1.16 ในไทย ต้องจับตาดูต่อไป เพราะเพิ่งเจอเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่แนวโน้มอาจไม่ได้รุนแรงมาก หากเทียบหลังสงกรานต์ปี 2565 พบว่าผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสั้นๆ 1-2 สัปดาห์ ถ้าประชาชนมีความรู้และปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ชะลอการระบาดได้ ส่วนช่วงเปิดเทอมราว พ.ค. ต้องประเมินมาตรการในโรงเรียนอีกครั้ง หากมีการระบาดในช่วงเวลาดังกล่าวอาจจะต้องมีมาตรการเพิ่มเติม” นพ.โสภณกล่าว

ดร.พิไลลักษณ์ อัคคะไพบูลย์ โอกาดะ ผอ.สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยสายพันธุ์ลูกผสม XBB, XBB.1.16 และ XBB.1.9.1 เพิ่มขึ้น แนวโน้มทดแทนสายพันธุ์หลักเดิมคือ BN.1 น่าจะราว 1 เดือนจะเห็นความเปลี่ยนแปลง ขณะที่ XBB.1.16 อาจแพร่เชื้อในระดับที่มากกว่า XBB.1 และ XBB.1.5 หลบภูมิคุ้มกันคล้าย XBB.1 และ XBB.1.5 แต่ยังไม่มีหลักฐานเรื่องความรุนแรงเพิ่มขึ้น การตรวจด้วย ATK และ RT-PCR สามารถตรวจคัดกรองสายพันธุ์ลูกผสมได้

นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมการแพทย์ กล่าวว่า เมื่อมีรายงานว่า สายพันธุ์ XBB.1.16 ในอินเดียทำให้เด็กมีอาการตาแดง เยื่อบุตาอักเสบ จึงขอให้กุมารแพทย์ที่มีคนไข้มีอาการตาแดง ตาแฉะ ให้ทำการตรวจ ATK ทุกราย เพื่อเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ข้อมูลในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้อากาศร้อน เด็กอาจมีการไปเล่นน้ำตามสถานที่ต่างๆ ทำให้น้ำเข้าตาแล้วมีอาการตาแดง ตาแฉะได้ ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่เป็นเชื้อเอนเทอโรไวรัส

ด้าน ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ศิริรราชพยาบาล กล่าวว่า ผลการศึกษาพบว่า คนไทยมีภูมิคุ้มกันแล้วจากการติดเชื้อและฉีดวัคซีน 94% เมื่อมีภูมิคุ้มกันเป็นพื้นฐานแล้ว ก็จะต้องกระตุ้นเป็นระยะในจังหวะที่ภูมิคุ้มกันลดลง เพราะฉะนั้นการได้วัคซีนจำเป็นต้องได้ 3-4 เข็ม ทำให้ปกป้องหรือป้องกันสายพันธุ์กลายพันธุ์ได้ดี แต่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นสูงวัย รับเข็ม 3 อยู่ที่ 44%, เข็มที่ 4 อยู่ที่ 11% และยิ่งอายุน้อยลงยิ่งอัตราน้อย อายุ 12-17 ปี เข็ม 3 อยู่ที่ 25% เข็ม 4 อยู่ที่ 0.9%, อายุ 5-11 ปี เข็ม 3 อยู่ที่ 4% เข็ม 4 อยู่ที่ 0.1% และอายุ 6 เดือน – 4 ปี เข็ม 3 อยู่ที่ 1% เข็ม 4 ไม่มี

“หลังทุกคนมีภูมิคุ้มกันเป็นพื้นฐานแล้ว อาจจะกระตุ้นปีละครั้ง และฉีดก่อนหน้าฝนที่เป็นช่วงระบาดสูง หลังจากนั้นปลายปีต้นปีระบาดลดลง เพราะฉะนั้น กระตุ้นให้มีภูมิสูงสุด แม้ติดเชื้อก็ไม่ได้รุนแรง ซึ่งในสายพันธุ์ XBB จะต้องรับวัคซีนถึง 4 เข็ม” ศ.พญ.กุลกัญญา กล่าว








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน