ผงะมีเงินหมุนเวียนกว่า3พันล้าน! บุกค้น12จุดปิดบัญชีแก๊ง”ดาวเรือง”เปิดร้านทองบังหน้า ฟอกเงินยาเสพติด

วันที่ 18 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ผ่านมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม สั่งการให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบช.ภ.8 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก.พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. นำกำลังพร้อมหมายเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 12 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ,ตรัง พังงา และระนอง

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีฟอกเงินเครือข่ายยาเสพติด“ดาวเรือง”ซึ่งเป็นกลุ่มขบวนการยาเสพติดรายใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้และกรุงเทพฯ มีเครือข่ายอยู่ในเรือนจำตามจังหวัดต่างๆหลายแห่ง หลังพบขบวนการดังกล่าวมีการฟอกเงินที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดกว่า 3 พันกว่าล้านบาท

จากการเข้าตรวจค้นสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 10 ราย ประกอบด้วย นางชมพู นายกรวิก นายกนิษฐ น.ส.เพ็ญวิไล น.ส.ขวัญฤทัย น.ส.พัชรี น.ส.กัลยา น.ส.ธัญทิพย์ นายธงไชย และน.ส.เบญจมาภรณ์ ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา ฟอกเงิน นอกจากนี้ยังอายัดตัวผู้ต้องหาที่อยู่ในเรือนจำต่างๆอีก 9 ราย แบ่งออกเป็นเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 2 ราย , เรือนจำจังหวัดตรัง 2 ราย , เรือนจำจังหวัดพัทลุง 2 ราย , เรือนจำจังหวัดสงขลา 1 ราย , เรือนจำจังหวัดทุ่งสง 1 ราย และเรือนจำจังหวัดหลังสวนอีก 1 ราย เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน

แก๊งฟอกเงิน

สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มี นายปิยรัช นิดคง สมาชิกอบต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ยื่นเรื่องร้องเรียนว่าถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงคราม M16 ยิงถล่มบ้านพัก 2 ครั้งในวันที่ 23 ก.พ.2562 กับ 12 มี.ค.2562 โดยมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งเกี่ยวกับการทุจริตภายในอบต.บางดี หลายโครงการที่นายปิยรัช ผู้เสียหายพยายามตรวจสอบและเปิดโปงเรื่องทุจริตทั้งหมด ทำให้ผู้บริหารของอบต.บางดี บางคนซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงว่าจ้างกลุ่มมือปืนมาก่อเหตุ

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.6 บก.ป. จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.6 บก.ป. ลงพื้นที่สืบหาเบาะแสจนสามารถติดตามจับกุมตัวนายธีระพร ชูเมือง อายุ 40 ปี และนายณัฐวุฒิ คชแก้ว อายุ 29 ปี พร้อมพวกอีก 10 คนได้เมื่อวันที่ 22 ต.ค.2562 ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่จึงได้ขยายผลตรวจโดยสอบประวัตินายธีระพร อย่างละเอียด จนพบว่ามีพฤติการณ์เป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่ มีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้,กรุงเทพฯ รวมถึงเครือข่ายอื่นๆตามเรือนจำต่างๆอีกหลายแห่ง

แก๊งฟอกเงิน

โดยนายธีระพร ก็ยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดจริง โดยลักลอบนำยาเสพติดจากเครือข่ายประเทศเมียนมาเข้ามาจำหน่ายให้กับลูกค้ารายย่อยในจ.ตรัง และใกล้เคียง โดยมีน.ส.ดาวเรือง สมแสง ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่จำคุกอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯขณะนี้ เป็นผู้ประสานงานคอยทำหน้าที่รับโอนเงินค่ายาเสพติดจากเครือข่ายต่างๆ รวมถึงผ่องถ่ายไปยังบัญชีอื่นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. จึงประสานไปยังเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ช่วยตรวจสอบ

จากการตรวจสอบ พบความเคลื่อนไหวเส้นทางการเงินบัญชีธนาคารของน.ส.ดาวเรือง มีการโอนเงินค่ายาเสพติดเข้าออกกับบัญชีอื่นๆมากถึง 113 บัญชี โดยมี 1 บัญชีป็นชื่อบัญชีธนาคารในนามของบริษัทจำกัด บจก.ชมพู (บ้วนหลี) ประกอบกิจการเกี่ยวกับจำหน่ายเครื่องทองรูปพรรณ รับโอนเงินจากบัญชีธนาคารของ น.ส.ดาวเรือง เข้ามาจำนวน 1.5 ล้านบาท และบัญชีธนาคารอื่นๆของเครือข่ายนายธีระพร เข้ามาอีกหลายล้านบาท ประกอบกับเมื่อตรวจสอบผลประกอบการย้อนหลังตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2561 พบว่าบริษัทดังกล่าวมีการเติบโตของรายได้แบบก้าวกระโดดผิดปกติ โดยปี 2558 บริษัทดังกล่าวยังมีรายได้เพียง 41 ล้านบาท ก่อนที่ปี 2559 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 344 ล้านบาท ปี 2560 เพิ่มขึ้นเป็น 2,338 ล้านบาท และปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 3,008 ล้านบาท จนทำให้เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินที่ได้มาจากขบวนการยาเสพติด

แก๊งฟอกเงิน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทเพิ่มเติมอย่างละเอียด กระทั่งพบว่า นอกเหนือจากเครือข่ายของนายธีระพร ที่โอนเงินค่ายาเสพติดมาให้กับบริษัทบจก.ชมพู (บ้วนหลี) แล้วยังมีเครือข่ายยาเสพติดอื่นโอนเงินเข้ามายังบริษัทดังกล่าวอีกถึง 5 เครือข่าย รวมเป็นเงินกว่า 580 ล้านบาท ทางเจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 10 รายนี้ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทบจก.ชมพู (บ้วนหลี) จนนำไปสู่ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม

สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 10 คนให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้มาจากการขายทองรูปพรรณให้กับร้านทองฝั่งประเทศเมียนมา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตามปกติแล้วการซื้อขายทองระหว่างประเทศจะเป็นจะเป็นการสั่งซื้อในนามของบริษัทหรือร้านทอง แต่จากการตรวจสอบเอกสารการซื้อขายทองตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างนั้น กลับเป็นการซื้อขายกันในนามบุคคลที่เป็นชาวเมียนมา

แก๊งฟอกเงิน

อีกทั้งบัญชีธนาคารที่ใช้โอนเงินเข้ามายังเป็นของเครือข่ายขบวนการยาเสพติด ประกอบกับตามกฎหมายแล้วหากมีการทำธุรกรรมซื้อขายทองคำมูลค่าเกิน 7 แสนบาท ร้านทองจะต้องแจ้งรายละเอียดในส่วนนี้ให้กับปปง. ทราบ แต่บริษัทบจก.ชมพู (บ้วนหลี) กลับไม่มีการแจ้งข้อมูลในส่วนนี้แต่อย่างใด จึงทำให้เชื่อว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายฟอกเงิน เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวตามหมายจับก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกก.6 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน