ฝ่ายสืบสวนสอบสอบพยาน ทราบข้อมูลสำคัญ พบก่อนยิงเตรียมการมาอย่างดี ขี่จยย. ประกบเรียกชื่อ “ผู้หมวดบอล” ก่อนลั่นไก ด้านภรรยา ร.ท. โพสต์เศร้า รับวันวาเลนไทน์

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธบุกยิง ร.ท.รุ่งเฉลิม พันธ์สวัสดิ์ อายุ 34 ปี หัวหน้าหมวดดุริยางค์ มณฑลทหารบกที่ 210 (มทบ.210) จำนวน 3 นัด เสียชีวิตในค่ายทหาร ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 ก.พ. 2564 ที่ถนนหลัง มทบ.210 จุดเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดโฆษิตตาราม มาสวดเรียกอัญเชิญวิญญาณของ ร.ท.รุ่งเฉลิม ผู้ตาย เพื่อช้อนเรียกขวัญตามความเชื่อประเพณีของชาวอีสาน ให้วิญญาณกลับบ้านและไปสู่ภพภูมิที่ดี

ด้านภรรยาของ ร.ท.รุ่งเฉลิม ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ใครมีวิธีทำให้เห็นวิญญาณบ้างไหม ขอวิธีหน่อย คิดถึงเหลือเกิน อยากคุย อยากถาม อยากได้ยินคำร่ำลา จะไปแบบนี้เลยเหรอ นี่มันกี่วันแล้ว ไม่มาหากันเลย ไม่รักกันแล้วเหรอ สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกันไป พ่อจ๋าได้โปรด แม่ขอร้องพ่อมาหาแม่หน่อยเถอะนะ คิดถึงเหลือเกิน คิดถึงจริง ๆ พ่อ พ่อ พ่อ แม่เรียกพ่อทุกวัน ได้ยินบ้างมั้ย แม่คิดถึงพ่อ คิดถึงเหลือเกิน”

รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนภาค 4 ชุดสืบสวนสภ.เมืองนครพนม ชุดสืบสวน ภ.จว.นครพนม ยังเร่งหาพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ถนน ทล 22 สายสกลนคร-นครพนม หน้าค่าย ซึ่งคาดว่าคนร้ายอาจจะติดตามก่อนผู้ตายจะผ่านประตูใหญ่เข้าไปในค่าย

และจากจุดเกิดเหตุจากหมวดดุริยางค์ไปจากบ้านพักผู้ตาย ซึ่งมีระยะราว 1 กิโลเมตร คนร้ายยังล่วงรู้ด้วยว่าถนนภายในค่ายแห่งนี้ โดยเฉพาะจุดเกิดเหตุมีการปรับปรุงระบบไฟในค่ายใหม่ทั้งหมด ทำให้กล้องวงจรปิดหลายตัวที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุใช้การไม่ได้

ขณะชุดสืบสวนยังคงพุ่งเป้าไปที่คนในค่ายเพราะรู้จักทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี คนร้ายยังรู้ด้วยว่าด้านหลังค่ายใกล้กับอ่างเก็บน้ำห้วยส้มโฮง มีการเปิดช่องทางเพื่อให้รถบรรทุกเข้ามาขนส่งอุปกรณ์ติดตั้งซ่อมไฟฟ้า คาดว่าอาจเป็นเส้นทางที่ใช้หลบหนีหลังก่อเหตุ

รายงานแจ้งอีกว่า หลังสอบสวนพยานทำให้เจ้าหน้าที่ทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุอาจมีการดูลาดเลามาก่อนแล้วจึงดักซุ่ม เพื่อรอจังหวะที่ผู้ตายขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุ โดยสตาร์ทเครื่องรอก่อนใช้รถจยย.ขี่ประกบแล้วเรียกชื่อ “ผู้หมวดบอล” ก่อนลั่นไกกระหน่ำยิง 3 นัดซ้อน จึงเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนใน และอาจมียศต่ำกว่าผู้ตาย ซึ่งตัดประเด็นยิงผิดตัวออกไป

พยานรายนี้ระบุด้วยว่า หลังจากคนร้ายก่อเหตุไม่นาน พบว่ามีทหารยามรักษาการณ์ที่อยู่ใกล้เคียงพบเห็นเหตุการณ์ ได้รีบวิ่งมาดู โดย ร.ท.รุ่งเฉลิม ได้บอกกับทหารเวรคนนั้นว่า “พาผมไปส่งที่โรงพยายาลที” ก่อนหมดสติไป กระทั่งมาเสียชีวิตที่ รพ.นครพนม ในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตามในวันที่ 18 ก.พ. จะเรียกยามรักษาการณ์ทั้งหมด ตั้งแต่บริเวณปากประตูทางเข้า-ออกค่าย รวมทั้งยามรักษาการณ์ตามจุดแยกของถนนซึ่งมีระยะทางจากตัดกันแต่ละถนนและซอยจุด 100 เมตร มาสอบปากคำที่สภ.เมืองนครพนม โดยจะแยกสอบเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว

ขณะที่รายงานการชันสูตรของแพทย์ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น หลังผ่าเอาหัวกระสุนที่ร่างของ ร.ท.รุ่งเฉลิม พบว่าที่ศีรษะมีกระสุน 1 นัด เป็นกระสุนชนิดลูกโม่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อเชื่อมโยงหาตัวคนร้าย

และยังจะขอคำวินิจฉัยของแพทย์ว่ากระสุนที่ยิงจากปากกระบอกปืนของคนร้าย มีวิถีกระสุนการยิงทิศทางเป็นอย่างไร ส่วนพยานวัตถุกระป๋องเครื่องดื่ม มวนบุรี่ ที่ตกในที่เกิดเหตุ วันนี้ได้รวบรวมส่งตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาคราบรอยนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอของคนร้ายมาเทียบเคียง

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน