เปิดแนวทางตั้งด่านตรวจ-ด้านเมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.สั่งทุกโรงพัก นครบาลเตรียมแผนใช้ดีเดย์ 1 เม.ย.นี้

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ลงนามหนังสือเรื่องมาตรการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งจุดตรวจเพื่อบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกและความผิดอื่น ที่เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทางเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา ถึงรอง ผบ.ตร.(มค) และ (ปป) ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในสายงาน มค และ ปป

เพื่อทราบและควบคุมการปฏิบัติ ผบช.น. ภ.1- 9 ก. สยศ.ตร. และ จตร.(หน.จต.) ตามหนังสือ ตร. ที่ 1007.34/5538 ลง 13 ธ.ค.56 เรื่อง กำชับมาตรการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด เพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งจุดตรวจเพื่อบังคับใช้กฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ เกิดความปลอดภัยและความสะดวกในการจราจร

เพื่อเป็นการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานจราจรให้เป็นไปตามหลักกฎหมาย เป็นมาตรฐานสากล มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่กระทบสิทธิกับประชาชนเกินสมควร สร้างความเชื่อมั่น และเกิดภาพลักษณ์ที่ดีในการบังคับใช้กฎหมาย จึงกำหนดมาตรการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งจุดตรวจ

เพื่อบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องกับรถหรือการใช้ทาง เพิ่มเติม ดังนี้

1.การกำหนดแผนการตั้งจุดตรวจให้พิจารณาเพิ่มเติม ดังนี้

1.1 การตั้งจุดตรวจแต่ละประเภท ต้องจัดทำแผนการตั้งจุดตรวจที่ชัดเจน ให้ปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ตั้งจุดตรวจ ช่วงเวลาปฏิบัติ กำลังพล หัวหน้าจุดตรวจ และผู้ควบคุมการปฏิบัติ โดยการออกแผนการตั้งจุดตรวจทุก 7 วัน 15 วัน หรือ 1 เดือน

1.2 การกำหนดสถานที่ตั้งจุดตรวจทุกประเภท ควรพิจารณาจากบริเวณที่มีปัจจัยเสี่ยงในการ เกิดอุบัติเหตุ หรือมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง หรือเป็นบริเวณที่มีการฝ้าฝืนกฎหมายของผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมาก ต้องคำนึงถึงสภาพการจราจร วัตถุประสงค์ของจุดตรวจ และความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นสำคัญ โดยจะต้องเป็นสถานที่เปิดเผย เพื่อป้องกันความเคลือบแคลงสงสัยจากประชาชน

1.3 ให้ สน./สภ. หรือหน่วยปฏิบัติกำหนดจุดตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ โดยให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยที่เกี่ยวข้องและหน่วยที่มีพื้นที่รับผิดชอบติดต่อกันเพื่อจัดทำแผนการตั้งจุดตรวจแล้วเสนอไปยัง บก.น/ภ.จว/ทล/จร. เพื่อให้ ผบก.เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ

1.4 การจัดทำแผนการตั้งจุดตรวจ ให้ สน/สภ. หรือหน่วยปฏิบัติ บันทึกข้อมูลรายละเอียดลงในระบบแอปพลิเคชัน TPCC (Traffic Police Checkpoint Control) แล้วพิมพ์แผนการตั้งจุดตรวจจากระบบเสนอ ผู้บังคับการ (ผบก.) เพื่ออนุมัติ หาก ผบก.ไม่อนุมัติแผนการตั้งจุดตรวจให้ สน./สภ. หรือหน่วยปฏิบัติดำเนินการแก้ขช้อมูสรายละเอียดในระบบดังกล่าว

1.5 ให้ รอง ผบช.น. ภ.1 – 9 และ ก. ที่รับผิดชอบงานจราจรเป็นผู้ควบคุม กำกับ ดูแลในภาพรวม เพื่อให้การตั้งจุดตรวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีให้เกิดความช้ำช้อน อันจะส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดและสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควร 1.6 กรณีมีเหตุจำเป็นต้องปรับย้ายสถานที่ตั้งจุดตรวจให้ หน.สภ./สน. หรือหน่วยปฏิบัติจัดทำแผนการตั้งจุดตรวจเสนอ ผบก.เพื่ออนุมัติตามข้อ1.1 โดยให้บันทึกเหตุผลความจำเป็นไว้ในระบบให้เรียบร้อย

2.การปฏิบัติ 2.1 ก่อนการตั้งจุดตรวจให้หัวหน้าจุดตรวจแจ้งข้อมูลให้ศูนย์วิทยุระดับ สน./สภ. บก./ภ.จว. ทราบทุกครั้ง โดยให้ปรากฏยศ ชื่อ สกุล ตำแหน่งของหัวหน้าจุดตรวจ จำนวนเจ้าหน้าที่ สถานที่ตั้งจุดตรวจ ห้วงเวลาในการตั้งจุดตรวจ เมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติให้แจ้งผลการปฏิบัติให้ศูนย์วิทยุข้างต้นทราบทันที และให้บันทึกผลการปฏิบัติลงในระบบแอปพลิเคชัน TPCC (Tralic Police Checkpoint Control) แล้วให้รายงานผลการปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอหัวหน้าสถานีตำรวจหรือหัวหน้าหน่วยงานภายในวันถัดไป โดยการรายงานต้องมีข้อมูลผลการจับกุม จำนวนรถที่เรียกตรวจ ปัญหาหรือเหตุขัดข้องในการปฏิบัติ

2.2 จุดตรวจ ต้องมีแผงกั้นที่มีเครื่องหมายจราจรประเภทป้าย “หยุดตรวจ” โดยให้เป็นไปตามมาตรฐานที่จุดตรวจจะต้องมีในการติดตั้งป่ายและเครื่องหมายจราจร สำหรับในเวลากลางคืนจะต้องมีแสงไฟส่องสว่างให้มองเห็นป้าย “หยุดตรวจ” ได้อย่างชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร และให้มีแผ่นป้ายแสดง ยศ ชื่อ สกุล และตำแหน่งของหัวหน้าจุดตรวจดังกล่าว นอกจากนั้นให้มีแผ่นป้ายแสดงข้อความว่า “หากพบเจ้าหน้าที่ทุจริตหรือประพฤติมิชอบให้แจ้ง ผู้บังคับการ (ผบก.) (หมายเลชโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้บังคับการหรือที่ผู้บังคับการมอบหมาย) หรือแจ้งร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ทางสายด่วนหมายเลข 1599″ทั้งนี้ ป้ายแสดงข้อความดังกล่าวต้องแสดงให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 15 เมตร

2.3 การปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจต้องมีนายตำรวจระดับสัญญาบัตรยศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไปเป็นหัวหน้าจุดตรวจและตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องแต่งเครื่องแบบทุกนาย และให้ปฏิบัติตามหลักปฏิบัติและยุทธวีธีในการตั้งจุดตรวจ ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมาย ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

2.4 ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจต้องใช้กิริยาวาจาที่สุภาพ มีการกล่าวคำทักทายและคำขอบคุณหากจำเป็นให้อธิบายอำนาจหน้าที่ วิธีการและขั้นตอนตามหลักกฎหมาย หากผู้ขับขี่หรือบุคคลใดก่อความวุ่นวาย หรือไม่ให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่จะต้องควบคุมอารมณ์และยึดถือการปฏิบัติในกรอบของกฎหมาย

2.5 ให้เจ้าพนักงานจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจบันทึกการปฏิบัติหน้าที่ด้วยกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวชนิดติดตัว หรือติดหมวกนิรภัยของเจ้าพนักงานจราจร หรือกล้องชนิดอื่นที่สามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา โดยต้องบันทึกภาพการปฏิบัติได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสามารถใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อมีการร้องเรียนตลอดจนเป็นหลักประกันให้เกิดความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ให้หัวหน้าจุดตรวจเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติหลังเสร็จสิ้นการปฏิบัติแล้ว ให้หัวหน้าจุดตรวจรวบรวมไฟส์ข้อมูลตังกส่าวเก็บไว้ในฐานข้อมูลของหน่วยงานของตนตามที่หัวหน้าสถานีตำรวจหรือหัวหน้าหน่วยงานกำหนด

2.6 การตั้งจุดตรวจ หากมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่น หรือเจ้าหน้าที่อาสาสมัครร่วมปฏิบัติงาน ให้หัวหน้าจุดตรวจชี้แจงผู้ร่วมปฏิบัติให้เข้าใจในอำนาจหน้าที่ การแต่งกายของอาสาสมัครต่างๆ ต้องมีสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายบอกฝ่ายที่ไม่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน หรือเข้าใจผิดและไม่แต่งกายคล้ายกับเครื่องแบบของตำรวจโดยเด็ดขาด

3.การตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจรให้ปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้

3.1 การออกใบสั่งตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก หรือกฎหมายอื่นอันเกี่ยวกับรถหรือการใช้ทางให้ถือปฏิบัติตามมาตรา 140 แห่ง พร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522ก่อนการออกใบสั่งทุกครั้งต้องอธิบายข้อกล่าวหา ข้อหา และฐานความผิดให้ผู้ชับขี่หรือผู้กระทำผิดทราบ และเข้าใจข้อกล่าวหาที่ถูกออกใบสั่งทั้งนี้ ต้องคำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว โดยไม่กลั่นแกล้งหรือพยายามหาเหตุในการออกใบสั่งกรณีความผิดที่ยังไม่ปรากฏชัดเจน

3.2 ให้ผู้ออกใบสั่งหรือผู้ได้รับมอบหมาย บันทึกข้อมูลในระบบบริหารจัดการใบสั่งจราจรของ ตร. (PTM : Police Ticket Management) ภายใน 6 วัน นับแต่วันออกใบสั่ง

4. การตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้ปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้

4.1 กำหนดรูปแบบพื้นที่ปฏิบัติ ชุดปฏิบัติการ และวัสดุอุปกรณ์ในการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ รายละเอียดตามผนวก กเป็นสถานที่เปิดเผย เพื่อเป็นหลักประกันให้เกิดความโปร่งใสและป้องกันความเคลือบแคลงสงสัยจากประชาชน

4.2 จัดสถานที่สำหรับตรวจวัดแอลกอฮอล์แบบยืนยันผลในจุดที่มีแสงสว่างเพียงพอ

4.3 กั้นพื้นที่การตรวจวัดแอลกอฮอล์แบบยืนยันผล และพื้นที่บันทึกข้อมูลผู้ชับขี่และผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์ให้เป็นสัดส่วนที่ชัดเจน เพื่อแสดงให้ประชาชนทราบว่าเป็นพื้นที่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และป้องกันมีให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว

4.4ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ยุทธวิธีและขั้นตอนการปฏิบัติของชุดปฏิบัติการประจำจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ และกรณีมีการจับกุมผู้กระทำความผิดให้ใช้แบบบันทึกจับกุมโดยให้มีสาระสำคัญหรือรายละเอียด

4.5 การตรวจวัดแอลกอฮอล์ ให้มีการตรวจเบื้องตันและการตรวจยืนยันผล สำหรับการตรวจยืนยันผล ต้องมีการบันทึกการตรวจวัดแอลกอฮอล์ด้วยกล้องบันทึกภาพเคลื่อนไหวชนิดที่สามารถดูภาพได้แบบปัจจุบัน (Real Time) หรืออุปกรณ์บันทึกภาพเคลื่อนไหวใช้คู่กับอุปกรณ์ที่สามารถถ่ายทอดสดการตรวจวัด เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาสามารถดูการตรวจวัดได้แบบปัจจุบัน (Real Time)

4.6 เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ต้องใช้เครื่องของทางราชการ และต้องมีการสอบเทียบตามกำหนดระยะเวลาของอุปกรณ์นั้น จากหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ทั้งนี้ ห้ามมิให้นำเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ยังไม่ได้ผ่านการสอบเทียบ หรือเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ที่ไม่ใช่ของทางราชการมาใช้ในการปฏิบัติงานโดยเด็ดขาด

4.7 บันทึกข้อมูลผู้ขับขี่และผลตรวจวัดแอลกอฮอล์ลงในระบบ TPCC (Trafic Police Checkpoint Control) กรณีผู้ชับชี้มีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ให้พิมพ์เอกสารรายการตรวจวัดแอลกอฮอล์จากระบบดังกล่าวให้ผู้ขับขี่ สำหรับใช้แสดงในจุดตรวจต่อไป แต่ในกรณีที่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนดให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

4.8 เมื่อเสร็จสิ้นการปฏิบัติแล้วให้หัวหน้าจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์รายงานผลการปฏิบัติเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอหัวหนัาสถานีตำรวจหรือหัวหน้าหน่วยงานภายในวันถัดไป โดยการรายงานต้องมีข้อมูลผลการตรวจวัดที่พิมพ์จากเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ บันทีกรายการผู้ขับขี่ที่รับการตรวจวัด และรายงานสรุปผลการจับกุมผู้ขับขี่ที่กระทำความผิดในข้อหาขับรถในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น

4.9ให้หัวหน้าสถานีตำรวจหรือหัวหน้าหน่วยงาน ตรวจสอบข้อมูลที่พิมพ์จากเครื่องตรวจแอลกอฮอล์ตามข้อ 4.8 ว่าตรงกับที่หัวหน้าจุดตรวจรายงานหรือไม่ หากพบข้อมูลผิดปกติตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

5.การตั้งจุดตรวจวัดมลภาวะอันเกิดจากยานพาหนะให้ปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้

5.1 เครื่องตรวจวัดต้องเป็นเครื่องของทางราชการและได้รีบมาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด

5.2 ให้อธิบายขั้นตอนและวิธีการตรวจวัดให้ผู้ขับขี่ทราบก่อนทำการตรวจ

5.3ให้หัวหน้าสถานีตำรวจหรือหัวหน้าหน่วยงาน ตรวจสอบข้อมูลที่พิมพ์จากเครื่องตรวจวัดว่าตรงกับที่หัวหน้าจุดตรวจรายงานหรือไม่ หากพบข้อมูลผิดปกติให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

6.การกำกับดูแล การควบคุม การตรวจสอบการปฏิบัติ และมาตรการลงโทษ

6.1ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ บก./ภ.จว. ตรวจสอบการปฏิบัติของหน่วยในสังกัดให้ปรากฎว่า การตั้งจุดตรวจบรรวัตถุประสงค์ตามแผนการปฏิบัติและเจตนารมณ์กฎหมายหรือไม่ มีปัญหาข้อขัดข้องและแนวทางแก้ใขอย่างไร แล้วรายงานผลไปยัง บช./ภ. เพื่อเป็นข้อมูลและแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขต่อไป และให้มีการประชุมสรุปผลการปฏิบัติทุกเดือน

6.2ให้ผู้บังคับบัญชาระดับ บก/ภ.จว. บช/ภ.ตรวจสอบการปฏิบัติในการตั้งจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อมีให้มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตหรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ มิให้ฉวยโอกาส เรียก รับ หรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากผู้ใช้รถใช้ถนน หากตรวจสอบพบว่าจุดตรวจใดมีพฤติการณ์ดังกล่าว จะพิจารณาข้อบกพร่องผู้บังคับบัญชา ผู้มีหน้าที่ควบคุม กำกับ ดูแลทันที ร่วมทั้งให้ตรวจสอบและกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด และหากตรวจพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใดประพฤติมิชอบในลักษณะดังกล่าว ให้รีบพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ทั้งทางอาญาและทางวินัยทันที แล้วรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึง ตร. ทราบโดยมิชักช้า

6.3ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นจัดให้มีการอบรม ทบทวน องค์ความรู้เรื่องกฎหมายประกาศ คำสั่ง แนวทางปฏิบัติตลอดจนคำพิพากษาของศาลที่เกี่ยวข้องให้ผู้ปฏิบัติรับทราบอย่างต่อเนื่อง

6.4 ให้ จเรตำรวจ (จต.) สุ่มตรวจการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งจุดตรวจ หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม หรือส่อไปในทางทุจริตหรือแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบให้รายงานให้ ตร. ทราบทันที

6.5 ให้ สยศ.ตร.(วจ.) เป็นหน่วยประเมินผลการปฏิบัติ โดยสำรวจความพึงพอใจของประชาชนต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งจุดตรวจในภาพรวมของ ตร. ทุก 6 เดือน หรือ 1 ปี ตามความเหมาะสม แล้วรายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. ที่เกี่ยวข้องทราบ

ทั้งนี้ กรณีการวางแผนการตั้งด่านอยู่ระหว่างการดำเนินการ เนื่องจากอยู่ในช่วงระหว่างการเตรียมความพร้อม และดำเนินการจัดทำคำสั่ง เพื่อวิเคราะห์จุดที่เป็นตำแหน่งที่สามารถจะดำเนินการตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ และจุดตรวจวัดมลภาวะอันเกิดจากยานพาหนะ แต่ละกองบัญชาการอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแนวทางการปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม โดยเฉพาะในเขตพื้นที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จะสามารถดำเนินการได้ภายในวันที่ 1 เม.ย. นี้ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน