รองผบ.ตร.สั่งชะลอตั้งด่านเมาพื้นที่ควบคุมสูงสุด ระดมตำรวจหาข่าวกลุ่มคนรวมตัวมั่วสุมในโรงแรม-รีสอร์ต หวั่นทำโควิดแพร่กระจายระบาดหนัก

วันที่ 20 เม.ย.64 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ปฏิบัติราชการแทนผบ.ตร. มีวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงวันที่ 17 เม.ย. ถึงผบช.หรือตำแหน่งเทียบเท่าผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร. อ้างถึงข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 , ว.ตร. ด่วนที่สุด ที่ 0009.121/23 ลง 4 ม.คซ64 กำชับการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และว.ตร. ด่วนที่สุด ที่ ศปม5.31/139 ลง 8 เม.ย.64 กำชับการปฏิบัติในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของตำรวจ

เนื่องจากปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ เดือนเม.ย.64 มีการขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น สามารถแพร่เชื้อติดต่อกันได้โดยผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ และขณะนี้มีตำรวจติดเชื้อจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อให้การระงับยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้ดำเนินการ ดังนี้

การดำเนินการกรณีข้าราชการตำรวจติดโควิด-19

1.ให้ รพ.ตร. ร่วมกับ ศปม.ตร. ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลการติดเชื้อของข้าราชการตำรวจ ในห้วงระหว่าง 1 ม.ค.64 -15 เม.ย.64 และวางมาตรการรองรับเพื่อป้องกันการติดเชื้อของตำรวจ แล้วให้ ศปม.ตร. ยกร่างหนังสือเสนอ ตร. พิจารณาลงนามกำหนดเป็นมาตรการป้องกันๆ ในภาพรวมของ ตร.

2.สำหรับกำลังพลที่รักษาหายดีหรือพ้นกำหนดการกักตัวแล้ว ให้เรียกตัวกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ โดยให้กำกับดูแลการปฏิบัติของตำรวจทุกนายให้เป็นไปตามแนวทางที่ ตร. ได้สั่งการไว้แล้ว กำชับการปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 20) ดังนี้

1.ให้ทุกหน่วยศึกษาทำความเข้าใจช้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 20) ซึ่งมีการบังคับใช้มาตรการควบคุมเพิ่มเติมรวมทั้งปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด 18 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 59 จังหวัด

2.การออกตรวจพื้นที่ของเจ้าหน้าที่สายตรวจ ชุดเคลื่อนที่เร็ว และชุดสายตรวจร่วม ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจ เพื่อระงับยับยั้งการมั่วสุม หรือการจัดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค

3.การออกตรวจพื้นที่ในเวลากลางคืนให้เน้นการเปิดสัญญาณไฟวับวาบ เพื่อสร้างการตระหนักรู้ โดยเน้นการตรวจบริเวณจุดเสี่ยง และห้วงเวลาเสี่ยง

4.เน้นการทำงานเชิงรุก โดยการออกประชาสัมพันธ์ หากพบการฝ่าฝืนให้เน้นการป้องกัน ระงับ ยับยั้ง และตักเตือนก่อน แล้วบังคับใช้กฎหมายตามขั้นตอน อย่างรอบคอบและรัดกุม

5.ให้ชะลอการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์และจุดกวดขันวินัยการจราจร โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุด สำหรับจุดตรวจป้องกันอาชญากรรม จุดสกัดกั้นยาเสพติด และจุดสกัดกั้นตามแนวชายแดน ให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด และต้องไม่เป็นการก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ

6.ให้ข้าราชการตำรวจและประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบงดจัดกิจกรรมทางสังคมในลักษณะที่เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ งานรื่นเริง เว้นแต่เป็นการจัดพิธีตามประเพณีนิยม และมีมาตรการป้องกันโรคที่เพียงพอ

7.พิจารณาปรับรูปแบบการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจในสังกัด โดยอาจปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง การสลับวันทำงาน หรือวิธีอื่นใดที่เหมาะสม เพื่อลดโอกาสติดเชื้อในห้วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2564

โดยยังพบว่าบางพื้นที่มีการมั่วสุมหรือจัดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค เช่น การจัดงานเลี้ยงรื่นเริง การมั่วสุมดื่มสุรา ตามที่ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ แล้วมีการดำเนินคดีในภายหลัง จึงกำชับการปฏิบัติ ดังนี้

1.ให้จัดตั้งทีมฝ่ายกฎหมายของแต่ละหน่วย ศึกษาข้อกฎหมายในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกรณีการมั่วสุม การชุมนุม การทำกิจกรรม โดยให้นำข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 15, 16, 18, 19, 20 และฉบับอื่นๆ รวมทั้งประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบฯ ตลอดจนคำสั่งของผู้ว่าราชการ กทม. ผู้ว่าราชการจังหวัด ที่เกี่ยวข้องมาสรุปเป็นแนวทางการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สายตรวจ ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดสายตรวจร่วม และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ตลอดจนวางแนวทางการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนตามกฎหมายดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.ให้เพิ่มการสืบสวนหาข่าวจากสื่อสังคมออนไลน์และสืบสวนทางกายภาพ และรับแจ้งเบาะแสจากประชาชน ให้ทราบความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่รวมตัวกันมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค เช่น มั่วสุมรวมตัวกันเสพยาเสพติด เล่นการพนัน ดื่มสุรา ตามโรงแรม รีสอร์ท อพาร์ทเมนท์ หอพัก ห้องเช่า เป็นต้น เพื่อใช้ป็นแนวทางในการวางมาตรการป้องกัน ระงับยับยั้ง และสืบสวนจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน