คุมทำแผนฯ อดีตนช. ชิงทรัพย์ แรงงานต่างด้าว อ้างไม่ทำคนไทยเพราะสงสาร

เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 28 พ.ค. 2564 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 และ พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร สั่งการให้ พ.ต.อ.พิภบ พัชรลภัส ผกก.สภ.กระทุ่มแบน , พ.ต.ท.ธนนท์ ล้นเหลือ รอง ผกก.สส. , พ.ต.ท.อภิสิทธิ์ ศักดิ์ชัยยันต์ , พ.ต.ท.ณัฏฐ์ ชูแก้ว สว.สส.พร้อมชุดสืบสวน

ร่วมกันนำตัว นายนพเก้าหรือเก้า (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ชาว ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ จ.148/2564 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน“ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด เพื่อการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ” ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

พร้อมรถจักรยานยนต์ที่ผู้ต้องหาใช้ขับขี่ขณะก่อเหตุ ,อาวุธมีดด้ามยาว 10 นิ้ว 1 เล่ม,เสื้อผ้าที่สวมใส่ขณะกระทำความผิด และโทรศัพท์มือถือของกลาง ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากผู้เสียหาย 1 เครื่อง

สำหรับการนำตัวผู้ต้องหารายนี้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพมีอยู่ 2 จุดด้วยกัน จุดแรกเป็นถนนภายในซอยเพชรเกษม 120/1 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน ซึ่งผู้ต้องหาขี่รถจักรยานยนต์ตามผู้เสียหายที่เป็นแรงงานต่างด้าวขณะเดินขนของอยู่บนถนน

ก่อนใช้อาวุธมีดจี้ชิงทางด้านหลังแล้วใช้มีดตัดกระเป๋าสะพายของผู้เสียหาย ซึ่งภายในมีทรัพย์สินเป็นเงินสดประมาณ 5,000 บาท ก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไป

ส่วนจุดที่ 2 เป็นจุดที่มีภาพปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด บริเวณริมถนนเศรษฐกิจ 1 ห่างจากแยกอ้อมน้อย ถนนเพชรเกษมเข้ามาประมาณ 100 เมตร เป็นที่จอดรถโดยสารประจำทางสาย รพ.กระทุ่มแบน – อ้อมน้อย – ตลาดพันล้าน – วัดสิรินธร – หมู่บ้านวรรณวิจิตร

พฤติกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุตรงจุดนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2564 เวลา 19.00 น. คนร้าขับรถจักรยานยนต์มาจอดหน้ารถโดยสารประจำทาง หมายเลขทะเบียน 10 – 2053 สมุทรสาคร จากนั้นขึ้นไปบนรถ

จากนั้นใช้อาวุธมีดจี้และทำร้ายร่างกายผู้โดยสารที่เป็นแรงงานต่างด้าวบนรถ พร้อมกับใช้มีดตัดเอากระเป๋าสะพายของผู้เสียหาย ก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ซึ่งภายในมีทรัพย์สินเป็นเงินสดประมาณ 40 บาท

จากเหตุการณ์ดังกล่าวก็มีประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์และพบเห็นพฤติกรรมของคนร้ายอย่างใกล้ชิด ทำให้เกิดความหวาดกลัวในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ต.อ้อมน้อยฯ ที่ใช้ชีวิตประจำวันในบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก

ด้าน พ.ต.อ.พิภบ เผยว่า แม้เหตุการณ์ที่เกิดจะไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ เนื่องจากคนร้ายจะเลือกก่อเหตุกับแรงงานต่างด้าว ทำให้ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความ แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับทราบจากประชาชน ก็สั่งการให้ตำรวจสืบสวนฯ ลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวมาให้ได้ทันที

เพราะถือเป็นเหตุอุกฉกรรจ์ แสดงออกถึงพฤติกรรมที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในตำบลอ้อมน้อย รวมถึงผู้โดยสารรถประจำทางเป็นอย่างมาก ซึ่งจากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ตำรวจฯ พบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นบุคคลเดียวกัน มีพฤติกรรมใช้อาวุธมีดและทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่เป็นแรงงานต่างด้าวเหมือนกัน

ทั้งนี้ก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานเป็นที่แน่ชัด จึงขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรสาครจับกุมนายนพเก้า พร้อมของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุไว้ได้อย่างทันควัน

ขณะที่นายนพเก้า ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า ที่ก่อเหตุเนื่องจากมีปัญหาทางการเงินต้องการนำเงินไปใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเงินที่ได้มาจากผู้เสียหายรายแรกประมาณ 5,000 บาทนั้น ก็นำไปซื้อกางเกงยีนส์หมดไปหลายพันบาท ส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อยก็เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว

ก็ตั้งใจว่าจะสมัครงานในโรงงานแต่เงินหมดเสียก่อนที่จะได้งานทำ จึงได้ลงมือก่อเหตุกับผู้เสียหายอีกราย โดยจะเลือกชิงทรัพย์แรงงานต่างด้าวเพราะพื้นที่อ้อมน้อยมีแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก เมื่อถูกก่อเหตุแล้วไม่กล้าแจ้งความ อีกทั้งที่ไม่ชิงทรัพย์คนไทยเพราะรู้สึกสงสารคนไทยด้วยกัน

เบื้องต้นจากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาพบว่า เดือน มิถุนายน 2560 ถูกดำเนินคดี เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)พื้นที่ สภ.กระทุ่มแบน , เดือน กรกฎาคม 2561 ถูกดำเนินคดี เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) พื้นที่ สภ.กระทุ่มแบน

เดือน ตุลาคม 2561 ถูกดำเนินคดี ลักทรัพย์ในเคหสถานหรือรับของโจร พื้นที่ สภ.กระทุ่มแบน และเพิ่งจะพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2564 โดยภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก็ได้นำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน