พ่อค้าส้มตำ ร้องกองปราบ จู่ๆคุกมาเยือน แค่เข้าแอพเล่นพนัน สุดท้ายเป็นผู้ต้องหา แก๊งหลอกกู้ออนไลน์

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ก.ย. 2564 ที่ กองบังคับการปราบปราม นายธีรศักดิ์ เพ็ชรรักษา อายุ 20 ปี อาชีพพ่อค้าส้มตำ พร้อมด้วย นายวรเทพ สุขแก้ว ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.วิทธวัช สาคะรินทร์ รอง สว.(สอบสวน)กก.2.บก.ป. เพื่อแจ้งความหลังถูกขบวนการเว็บพนันออนไลน์ หลอกนำข้อมูลส่วนตัวนำไปใช้หลอกเงินผู้อื่น จนต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ในขบวนการดังกล่าว

นายธีรศักดิ์ กล่าวว่า ตนเคยสมัครเล่นเว็บเสี่ยงดวงออนไลน์ต่างๆ (สล็อต) โดยสมัครจากเว็บที่อ้างว่าได้เล่นฟรี 100 บาท จากนั้นก็นำไปเล่นพนัน จนได้รางวัลจากการเล่น จำนวน 10,000 บาท แต่ยังไม่ได้รับเงินจึงติดต่อไปที่ผู้ดูแลเว็บ ซึ่งมีการเรียกขอเอกสารส่วนตัวเช่น บัตรประชาชน และหน้าสมุดบัญชีธนาคาร

ด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการ จึงส่งภาพถ่ายสำเนาบัตรประชาชนไปให้พร้อมหน้าสมุดบัญชี และเลขรหัสเข้าเว็บ ที่ตนใช้เป็นตัวเลขเดียวกันกับที่ใช้เข้าแอพฯของธนาคารให้ไป

กระทั่งเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา มีตำรวจสน.บุปผาราม ติดต่อมาหาว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเงินกู้ผ่านแอพ ตนจึงรีบปิดการใช้งานแอพและอายัดบัญชีเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่ก็ยังมีเงินไหลเข้าบัญชีอีกว่า 3 หมื่นบาท จึงรีบไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ที่ สภ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

ส่วนนายวรเทพ กล่าวว่า นายธีรศักดิ์ มาทราบว่ามีการนำบัญชีไปใช้ในเรื่องผิดกฏหมายจึงรีบไปปิดบัญชี เมื่อตรวจสอบรายละเอียดก็พบว่ามีการเริ่มใช้บัญชีมาตั้งแต่วันที่ 16 – 17 ส.ค. เพียงแค่ 2 วัน มีการทำธุรกรรมกว่า 611 ครั้ง ยอดเงินกว่า 2 ล้านบาท

ส่วนใหญ่เป็นการโอนเงินโอนเข้า-ออก ไปยังบัญชีอื่นทันที จึงอยากให้กองปราบฯช่วยตรวจสอบและติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี เพราะตอนนี้ลูกความของตนต้องกลายมาเป็นผู้ถูกกล่าวหาไปแล้วด้วย

นายวรเทพ กล่าวอีกด้วยว่า สำหรับแอพฯที่หลอกให้กู้เงินจะสร้างความน่าเชื่อถือ ด้วยการแสดงหลักฐานใบอนุญาตจดบริษัทจากหน่วยงานรัฐ ก่อนจะหลอกให้เหยื่อที่ต้องการกู้เงิน มาทำธุรกรรม เมื่อเหยื่อติดต่อไปขอกู้ ก็จะให้เลือกวงเงินกู้ ก่อนออกอุบายให้ผู้กู้โอนเงิน จำนวน 15 % ของยอดเงินที่จะกู้มาเป็นค่าดำเนินการ

ซึ่งยอดเงินนี้จะถูกโอนมาเข้าบัญชีเช่นกรณีลูกความของตน ก่อนจะถูกโอนไปบัญชีอื่น เป็นธุรกรรมอำพราง และทำกันเป็นขบวนการอย่างรวดเร็ว เพราะแค่บัญชีของนายธีรศักดิ์แค่ไม่ถึง 48 ชั่วโมง พบมีเงินหมุนเข้าออกมากกว่า 2 ล้านบาท จนน่าเชื่อว่าจะเหยื่ออีกเป็นจำนวนมากที่ถูกหลอกเช่นเดียวกันอีกด้วย

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายก่อนประสานส่งเรื่องไปยัง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (บก.ปอศ.) ตรวจสอบหากลุ่มคนร้ายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน