ตำรวจ-ทหาร เข้าจับกุม 2 แนวร่วมสายบุรี หลบซุกบ้าน ไร้การสูญเสีย ยอมให้คุมตัวแต่โดยดี โดยแม่ทัพภาค4 เน้นยึดหลักสิทธิมนุษยชน การใช้อาวุธเป็นขั้นตอนสุดท้าย
วันที่ 24 ก.ย.2564 พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี สั่งการให้ พ.ต.อ.เฉลิมชัย เพชรกาศ ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี พร้อมกำลังหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 เข้าจับกุมตัว นายอัซมัน หะมะ และ นายอาฮามัด แลแร ตามหมายจับ ป.วิอาญา ข้อหาร่วมกันสะสมกำลังพล จัดหาหรือรวบรวมทรัพย์สิน ให้หรือรับการฝึกการก่อการร้าย ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกัน เพื่อก่อการร้าย หรือกระทำความผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อก่อการร้าย,ร่วมกันเป็นอั้งยี่กัน
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ทั้งคู่เข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ หมู่ 5 ต.มะนังดาลำ และ หมู่ 10 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จึงเข้าตรวจสอบแล้วพบตัวหลบซ่อน อยู่ภายในบ้าน จึงแสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับ ป.วิอาญา ให้บุคคลภายในบ้านได้รับทราบหลักฐานและขั้นตอนในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ เพื่อบังคับใช้กฎหมาย พร้อมเชิญ ผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา เข้าทำความเข้าใจกับญาติเพื่อให้เชิญตัวผู้ต้องหาเข้ามามอบตัว
โดยทั้ง 2 คน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ออกมาพบเจ้าหน้าที่ โดยไม่มีการเข้าไปควบคุมตัวภายในบ้านแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายจับ ป.วิอาญาให้ทราบ แล้วให้เจ้าของบ้านนำเข้าตรวจสอบภไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวไปลงบันทึกจับกุมที่สภ.สายบุรี พร้อมเชิญญาติร่วมเดินทางไปเป็นพยาน ก่อนเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำการเข้าบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยยึดหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสีย โดยกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เน้นการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ไม่ต้องการใช้ความรุนแรง
เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น และความมั่นใจในมาตรการการควบคุมพื้นที่และบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ ที่ได้ดำเนินการติดตามในทุกคดีที่เกิดขึ้น ด้วยความระมัดระวังและใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก โดยการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่จะใช้เป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อป้องกัน ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งป้องกันตนเองหากคนร้ายมีการต่อสู้เท่านั้น
หากพี่น้องประชาชนพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ขอให้แจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 หมายเลข 061 – 173 – 2999 หรือเบอร์สายด่วน 1341 และหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
