ศาลนัดฟังคำไต่สวนถอนประกัน 4 แกนนำคณะราษฎร คนเดือนตุลารวมตัวร่วมเป็นนายประกัน อ่านแถลงการณ์ของธงชัย วินิจจะกูล ใฝ่ฝันถึงวันที่ดีกว่า

วันที่ 3 พ.ย.2564 ที่ศาลอาญารัชดาภิเษก มีการนัดฟังคำไต่สวนเพิกถอนประกันตัว 4 แกนนำราษฎร คดีการชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎรเมื่อปี 2563ประกอบด้วย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ นายอานนท์ นำภา ซึ่งนายภาณุพงศ์และนายอานนท์ ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำอยู่แล้วจากคดีอื่น

ทั้งนี้กลุ่ม OctDem ร่วมกับ 18 อดีตผู้ต้องหา คดี 6 ตุลา 2519 อดีตแกนนำนิสิตนักศึกษาและนักคิด นักเขียน นักวิชาการ ช่วง 14 ตุลาคม 2516 – 6 ตุลาคม 2519 ร่วมกันไปเป็นนายประกันให้กับผู้ต้องหาการเมือง ประกอบด้วยนายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินอาวุโส นายสุธรรม แสงปทุม อดีตแกนนำนักศึกษาและผู้ต้องหาคดี 6 ตุลา นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกมนตรี

โดยมีนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความสิทธิมนุษยชนและอดีตผู้นำนักศึกษา 6 ตุลาคม 2519 เป็นผู้ประสานงาน และได้มีการเตรียมหลักทรัพย์ของทางกลุ่มเพื่อมาใช้ในการประกันตัวในวันนี้อีกด้วย

ทั้งนี้ได้มีการแถลงข่าวและอ่านคำแถลงของกลุ่มคนเดือนตุลาฝ่ายประชาธิปไตย ที่เขียนโดย นายธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นอดีตแกนนำนักศึกษาและผู้ต้องหาคดี 6 ตุลา 2519

โดยคำแถลงระบุดังนี้ หรือความเป็นไทยคือการหลงยึดติดอดีตจนพร้อมจะขับไล่ไสส่งคนที่ใฝ่ฝันถึงวันที่ดีกว่าให้ออกไปพ้นสังคมไทย

ความไม่ลงรอยกันของความฝันคนละชนิดเป็นธรรมดาของทุกสังคม แต่ผู้ทรงอำนาจของไทยมักกล่าวหาคนที่ปรารถนาวันพรุ่งที่ดีกว่า ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกหาว่าเป็นคนที่เพี้ยน ถูกส่งเข้าคุก 17 ปีอย่างเทียนวรรณ หรือเข้าโรงเลี้ยงคนบ้าอย่าง ก.ศ.ร. กุหลาบถูกจับเป็นกบฏ อย่างคณะ ร.ศ. 130 ถูกตามล้างทำลายชั่วชีวิตชั่วลูกหลานอย่างผู้นำคณะราษฎร หรือถูกดับชีวิตเพื่อกำราบให้หยุดฝันอย่างเพื่อนของเราเมื่อ 6 ตุลา

รัฐไทยไม่เรียนรู้สักทีว่าความใฝ่ฝันถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เป็นปกติวิสัยของคนทุกยุคสมัย ไม่มีทางหยุดยั้งได้เพราะเป็นธรรมดามนุษย์ แทนที่จะถกเถียงต่อสู้กันทางความคิดอย่างอารยชน กลับทำร้ายอย่างป่าเถื่อนและกำราบปราบปรามด้วยกฎหมายอย่างอยุติธรรม ทั้ง ๆ ที่ไม่ควรมีใครถูกทำร้าย สละชีวิต หรือสูญเสียเสรีภาพแม้แต่คนเดียว เพียงเพราะต่อสู้เพื่อความฝันของเขาอย่างสันติ

รัฐยังคงกระทำผิดเช่นเดิม ๆ กับเยาวชนคนหนุ่มสาว ณ วันนี้ ทั้ง ๆ ที่การประกาศฝันถึงวันพรุ่ง ไม่ใช่อาชญากรรม เมื่อคราวพวกเราอายุเพียงประมาณ 20 ปี เราใฝ่ฝันถึงสังคมนิยมจึงถูกฆ่าอย่างป่าเถื่อน เพื่อนเราหลายพันคนถูกผลักไสไปสู่ป่าเขา พวกเรา 18 คนถูกจับเข้าคุกโดยไม่มีการตั้งข้อหาใด ๆ และห้ามประกันตัวอยู่เกือบหนึ่งปีครั้นคดีความขึ้นศาลทหารเพียงอีกปีเดียวก็พิสูจน์ว่าเราคือผู้บริสุทธิ์ แต่ผู้เข่นฆ่าในนามของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์กลับลอยนวลพ้นผิดไปเช่นเคย

เรารู้ดีว่าการติดคุก เพราะประเทศนี้ ห้ามผู้คนคิดฝันนั้น ก่อให้เกิดแผลบาดลึกขนาดไหนต่อผู้คนทั้งสังคม เราจึงขอให้ผู้ทรงอำนาจในกระบวนการยุติธรรมโปรดตระหนักว่า ท่านมีโอกาสที่จะยุติความโหดร้ายป่าเถื่อนลงเสียที แล้วช่วยกันประคับประคองให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างสันติและเจ็บปวดน้อยกว่านี้

ผู้ทรงอำนาจในทุกสถาบันหลักและในกระบวนการยุติธรรมควรมีสายตากว้างไกล อำนวยให้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีผู้ถูกทำร้ายในนามของความยุติธรรมปลอม ๆ อีกต่อไป

ไม่ควรทิ้งหลักการเพียงเพื่อตอบสนองความหลงว่าตัวเองสูงส่ง หลงยึดมั่นในอำนาจ หรือเพราะความหวาดกลัว หาไม่แล้วความยุติธรรมบนแผ่นดินนี้ก็จบสิ้น เราจึงเรียกร้องต่อผู้ทรงอำนาจในสถาบันหลักของรัฐและในกระบวนการยุติธรรม โปรดอย่าทำผิดพลาดเช่นที่เคยทำมาอีกเลย เพราะผู้คนกำลังจะสิ้นความเคารพเชื่อถือในทุกสถาบันจนสุดจะกอบกู้ได้อีกต่อไป

คนหนุ่มสาวในขณะนี้ไม่ได้ต้องการโค่นล้มสถาบันหลักใด ๆ เขาป่าวประกาศความฝันว่าทุกสถาบันต้องปรับตัว เขาวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาเพื่ออนาคตของคนทั้งประเทศ แต่ความซื่อตรงไม่มีสอพลอ กลับกลายเป็นการดูหมิ่น เป็นอาชญากรรมในสายตาของคนเขลาและคนหน้าไหว้หลังหลอกที่โหนเจ้าหาอำนาจ

คนหนุ่มสาวที่ถูกกุมขังไม่ได้เรียกร้องให้ปล่อยตัวเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วยซ้ำไป เขาขอเพียงสิทธิประกันตัวด้วยถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ตามที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญ เขาขอเพียงได้ต่อสู้คดีอย่างยุติธรรม

เพื่อยืนยันว่าการประกาศฝันถึงวันพรุ่งที่ดีกว่า ไม่ใช่อาชญากรรม ใครที่ถือว่าความฝันของคนหนุ่มสาวเป็นภัยต่อความมั่นคง เท่ากับเขายอมรับว่าสถาบันหลักของไทยง่อนแง่นเต็มที แต่แทนที่จะปลูกศรัทธาให้กลับมาใหม่ กลับใช้อำนาจและกฎหมายเข้าปราบปรามอย่างป่าเถื่อน

ดังนั้นหากยังทำเช่นนี้ต่อไปอีก ประวัติศาสตร์จะจารึกว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยมีส่วนสำคัญในอัตวินิบาตกรรมของสถาบันนั้น

อย่าให้ผู้คนโจษขานว่าตุลาการไทยไร้หลักกฎหมาย รับใช้อำนาจอยุติธรรมอย่างไร้อิสระ ไร้ศักดิ์ศรี และไร้น้ำยา เป็นแค่เครื่องใช้ไม้สอยของอำนาจไว้บังคับให้ราษฎรหมอบคลาน เป็นผู้ใหญ่ที่โหดร้ายรังแกเด็ก

ถ้าหากยังปฏิเสธสิทธิการประกันตัวของคนหนุ่มสาวเหล่านั้น โปรดระวังให้ดีว่าพวกเขาจะออกมาจากคุกในเร็ววันพร้อม ๆ กับการพังทลายของสถาบันหลักทั้งหลาย เพราะผู้คนสิ้นศรัทธากับสถาบันเหล่านั้นและกระบวนการยุติธรรม

เพราะคนที่มิใช่ทาสมีธรรมชาติต้องยืนตัวตรง ความอดทนของเขาต่อการถูกบังคับให้หมอบคลานใกล้จะหมดแล้ว และถ้าจะเป็นเช่นนั้น อย่าโทษคนหนุ่มสาวว่ากระทำผิดซ้ำซาก เพราะผู้มีอำนาจเองต่างหากที่ดื้อรั้นกระทำผิดซ้ำซากอย่างไม่น่าเชื่อว่าท่านผู้ทรงเกียรติจะคิดสั้น ๆ และใจมืดบอดถึงเพียงนั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน