ผบช.น. ลงพื้นที่ คุมผู้ต้องหา อายุ 22 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก่อเหตุจี้ร้านทอง ก่อนถูกจับได้ภายใน 24 ชม. รับสารภาพ หาเงินไปใช้หนี้ 5 หมื่น

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2564 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.สุรพงศ์ ธรรมพิทักษ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.ทนงศิลป์ มณีโชติ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำฉะเอม รองผกก.สส. พ.ต.ท.วีระ งามเลิศ รองผกก.(สอบสวน) และพ.ต.ต.เลิศศักดิ์ ปิ่นละออ สว.สส.

ร่วมกันแถลงผลการกุมนายศุภวิชญ์ ขันธทัต 22 ปี คนร้ายใช้อาวุธปืน บุกชิงทองคำหนัก 3 บาท ที่ห้างทองเยาวราช ปากซอยคู้บอน 2 ถนนคู้บอน แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 64 ที่ผ่านมา จับกุมได้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านวัชรพลซอย 3 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ

จากการตรวจสอบภาพไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดหลังเกิดเหตุพบคนร้ายเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใช้ในการก่อเหตุทิ้งภายในซอยคู้บอน 4 แยก 1 ก่อนจะเดินออกมาแล้วปีนกำแพงข้ามไปยังซอย 6 เพื่อเอารถจยย. ที่จอดทิ้งไว้ แล้วขับหลบหนีไปตามถนนรามอินทรา ก่อนที่จะเข้าไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านวัชรพล ซอย 3 เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นเข้าไปตรวจสอบและจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ภายหลังจากการจับกุมตัวได้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายศุภวิชญ์ มาชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณห้างทองเยาวราช ตั้งแต่ก่อนเข้าไปในร้าน และขณะใช้อาวุธปืนบีบีกันเข้าไปข่มขู่ชิงเอาทองคำ และชี้จุดหลบหนี บริเวณซอยคู้บอน 4 แยก 1 โดยนายศุภวิชญ์ รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง เนื่องจากต้องการนำเงินเอาไปใช้หนี้ จำนวน 4-5 หมื่น ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นบีบีกัน

พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า นายศุภวิชญ์ นำทรัพย์สินที่ได้ไปขายร้านทอง 3 แห่ง ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้ปฏิบัติทั้งฝ่ายสืบสวน ฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.คันนายาว ร่วมกับ ฝ่ายสืบสวนบก.น.2 สืบสวนนครบาล ทั้ง 3 หน่วย จึงจับกุมได้รวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนของกลางทางพนักงานสอบสวนได้ติดต่อร้านทั้ง 3 แห่งแล้ว

การจับกุมในครั้งนี้ได้พยานหลักฐานโดยใช้กล้องวงจรปิดเป็นหลัก ทั้งนี้ได้จับกุมตามนโยบายของพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่ให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม

ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ทางบช.น. ขอฝากให้ช่วยกันป้องกันเคหสถานทางร้านต้องป้องกันตัวเอง ตามนโยบาย 5 ป้อง ได้แก่ ป้องกันเคหสถาน ป้องกันตัวเอง ป้องกันยานพาหนะ ป้องกันการตกเป็นเหยื่อโซเชียลมีเดีย ป้องกันโรคโควิด และ 4 เตรียม ได้แก่ เตรียมยานพาหนะให้พร้อม เตรียมสภาพร่างกาย เตรียมข้อมูล และเตรียมจิตใจให้พร้อม ให้อภัยกันบนท้องถนน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน