บิ๊กราญแถลงสืบ 5 รวบโจ๋แก๊งริมบึงลักรถจยย. พร้อมผู้รับซื้อส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน ร่วมสืบ 6 รวบหนุ่มไอทีปลอมใบภาษีสร้างร้ายได้เดือน 6 -7 แสนบาท

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น. พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบช.น. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผบก.น.5 พ.ต.อ.ปนาถพล ปุณศรี รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.พชรชัย ปาณะดิษ พ.ต.ท.ทองเปลว หาญไพบูลย์ พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ภักดีดินแดน รอง ผกก.สส.บก.น.5 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนนครบาล 5 (กก.สส.บก.น.5) ร่วมกันจับกุมนายออม สงวนชื่อนามสกุล อายุ 16 ปี,นายณัฐธัญหรืออั้ม หวังเจริญ อายุ 21 ปี, นายไนท์ สงวนชื่อนามสกุล อายุ 16 ปี นายวีระศักดิ์หรือเตี้ย สีลม อายุ 54 ปี นายชลธาร ด้วงเจริญ อายุ 21 ปี นายศาสวัติ สีดาห้าว อายุ 21 ปี จับกุมได้ที่หน้ากองรักษาการณ์กองพันสื่อสาร ที่ 1 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ส่วนน.ส.สาธิดาหรือสา บุญทรัพย์ อายุ 44 ปี บ้านแห่งหนึ่ง ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

พร้อมด้วยของกลาง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น WAVE 125 LED สีขาว-แดง ทะเบียน 9กค 7850 กทม. จำนวน 1 คัน, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Honda รุ่น WAVE 110 สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Kawasaki รุ่น Ksr สีชมพู ดำ หมายเลขทะเบียน 1กฌ 2598 กทม. จำนวน 1 คัน, รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ Yamaha รุ่น Mio สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน, รถยนต์กะบะ ยี่ห้อ Toyota รุ่น Revo สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ฒฬ 631 กทม. จำนวน 1 คัน, รถยนต์กะบะ ยี่ห้อ Iuszu รุ่น Dmax สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 2193 กาญจนบุรี จำนวน 1 คัน, รถยนต์กะบะ ยี่ห้อ Toyota รุ่น Vigo สีขาว หมายเลขทะเบียน กน 5276 กาญจนบุรี จำนวน 1 คัน

พ.ต.อ.จิรกฤต เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือนธ.ค. 2564 ถึงเดือนม.ค. 2565 ได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวน ได้ก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ ในเขตพื้นที่ บก.น.5 และพื้นที่ต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ จำนวนหลายครั้ง โดยเลือกลักเฉพาะรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น เวฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาจนทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ลักรถจักรยานยนต์ จะใช้เส้นทางถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาธร กรุงเทพมหานครในการส่งรถจักรยานยนต์ที่ลักมาได้ ขายต่อกับผู้รับซื้อ ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงวางแผนจับกุมคนร้าย ลงพื้นที่วิธีการซุ่มโป่งอยู่บริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นถนนที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางผ่านประจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 คน คือนายออม สงวนชื่อนามสกุล อายุ 16 ปี,นายณัฐธัญหรืออั้ม หวังเจริญ อายุ 21 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ โดยขับขี่ตามกันมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกให้หยุด และขอทำการตรวจสอบ

“จากการสอบสวนทั้ง 2 คนรับว่า เป็นรถจักรยานยนต์ที่เพิ่งลักมาจากพื้นที่ สน.คลองตัน โดยมีผู้ก่อเหตุครั้งนี้ อีก 2 คน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมได้อีก 1 คน คือนายไนท์ สงวนชื่อนามสกุล อายุ 16 ปี จากการสอบถามรับว่า รถจักรยานยนต์ที่ลักมาได้ดังกล่าวมานานกว่า 4 ปี เคยขายแต่รถหลุดจำนำตอนหลังมาก่อเหตุลักทรัพยฌอง จากนั้นกำลังจะนำมาส่งขายให้กับ นางสาวสาธิดาหรือสาและนายวีระศักดิ์หรือเตี้ย ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ในการติดต่อซื้อขายนั้น นายไนท์ และนายต้า จะเป็นผู้ติดต่อซื้อขายได้ในราคาคันละประมาณ 12,000 – 16,000 บาท แล้วแต่ความเก่า-ใหม่ ของรถจักรยานยนต์ที่ลักมาได้ จากการสืบสวนขยายผล ทราบว่ากลุ่มคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ อีกที่เหลือคือ นายแอล อายุ 17 ปี นายต้า อายุ 22 ปี นายเบ้นซ์ อายุ 25 ปี นายบอล อายุ 27 ปี นางสาวชุลีพร เพชรอ่อน อายุ 24 ปี น.ส.แพน นามสมมุติ อยู่ระหว่างติดตามจับกุม” ผกก.สส.บก.น.5 กล่าว

พ.ต.อ.จิรกฤต กล่าวอีกว่า ส่วนวิธีการก่อเหตุกลุ่มคนร้ายจะสลับกันไปลักตามพื้นที่ต่างๆ โดยจะลักได้ เฉลี่ย 2-4 คันต่อคืน ใช้วิธีหักคอก่อนที่มีคนมาต่อสายตรง รถเก่าขายได้ 10,000 บาท ส่วนถ้ารถใหม่จะขายได้ประมาณ 25,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นเยาวชนส่วนใหญ่เป็นเยาวชนที่ถูกจับกุมมาแล้ว นำเงินมาใช้เที่ยวเตร่หรือเสพยาเสพติด เมื่อลักได้จะรวมตัวที่บึงพระราม 9 ครบ 2-3 คันก็จะนำมาขายให้กับ น.ส.สาธิดาหรือสา และนายวีระศักดิ์หรือเตี้ยส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่ง จะนำไปขายในเพจเฟซบุ๊ก โดย น.ส.สาธิดาจะเป็นผู้ติดต่อส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ช่องทางถนนนางลิ้นจี่ มุ่งหน้าจ.นครปฐม จ.กาญจนบุรี ไปยังประเทศพม่า และยังรับว่า ในห้วง 1 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มของคนร้ายตระเวนลักรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คันในหลายพื้นที่ จากนั้นจึงชุดจับกุมจึงได้บันทึกจับกุม และนำผู้ต้องหาพร้อมของกลาง พนักงานสอบสวนสน.ทุ่งมหาเมฆ แจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนอีกคดี พล.ต.ต.สรเสริญ ใช้สถิตย์ ผบก.น.6 พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร ผกก.สส.บก.น.6,พ.ต.ท.วิสิทธิ์ สายบัวทอง รอง ผกก.สส.บก.น.6 ,พ.ต.ต.ชูชีพ วงษ์บุญเพ็ง สว.กก.สส.บก.น.6 แถลงจับกุม นายณัฐฉัตร รัตนน้อย อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 176/2565 ลงวันที่ 2 ก.พ.65 ข้อหาปลอมเอกสารราชการ และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน พร้อมด้วยกระดาษป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปีปลอม ประเภทรถยนต์ รถจยย. และรถบรรทุก 243 แผ่น บัตรประชาชนปลอม 13 ใบ ใบขับขี่ปลอม 8 ใบ โน้ตบุ๊คเลนโนโว 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง และเครื่องพิมพ์ 4 เครื่อง

โดยพ.ต.อ.นริศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวนกก.สส.บก.น.6 ทราบว่ามีผู้จำหน่ายแผ่นป้ายภาษี บัตรประชาชนปลอม และใบขับขี่ปลอมทางอินเตอร์เน็ตผ่านเพจเฟซบุ๊คจึงได้ติดต่อล่อซื้อจับกุมนายณัฐฉัตรได้ที่บริเวณ ซอยราชวิถี แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. ขยายผลตรวจค้นพบของกลางได้ที่บ้านเลขที่ 134 ซอยวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. และบ้านเลขที่ 10/168 ซ.เพชรเกษม 110 แยก 14 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กทม. จากการตรวจสอบแผ่นป้ายภาษีปลอมได้เหมือนของจริงมาก อยากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังตรวจสอบป้ายทะเบียนภาษีเนื่องจากเกรงว่า พวกมิจฉาชีพจะนำไปใช้หลอกซื้อขายรถยนต์ผิดกฎหมาย แผ่นป้ายภาษีปลอมต่างจากของจริง คือ กระดาษจะหนากว่า และบาร์โค้ตเบลอไม่ชัด ของจริงหมึกต้องซึมไปถึงด้านหลังกระดาษ

จากการสอบสวนนายณัฐฉัตรให้การรับสารภาพว่าทำงานเป็นพนักงานประจำฝ่ายดูแลคอมพิวเตอร์ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกทม. ต่อมามีคนรูจักชักชวนให้ร่วมขบวนการทำแผ่นป้ายภาษีรถ ใบขับขี่ และบัตร ประชาชนปลอม เนื่องจากมีความรู้จบปริญญาตรีสาขาคอมพิวเตอร์ทำมาแล้ว 2 ปี ป้ายภาษีรถปลอมขายแผ่นละ 2,300 บาท บัตรประชาชนและใบขับขี่ปลอมใบละ 8,000 บาท มีผู้มาติดต่อซื้อตกเดือนละ 300 ราย มีรายได้ตกเดือนละ 6-7 แสนบาทต่อเดือน นำตัวส่งสน.พระราชวัง ดำเนินคดี และขยายจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน