แก๊งโขงริเวอร์ / พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. แถลงจับ แก๊งโขงริเวอร์ เครือข่ายโรแมนซ์สแกม จนมุมกลางกรุง เจอข้อมูลหลอกเหยื่ออื้อ

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2565 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ณรงค์เวทย์ โอนสูงเนิน รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ แถลงข่าวการจับกุมคนร้ายแก๊งโขงริเวอร์

สืบเนื่องจากการบูรณาการด้านการข่าวของ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 กับหน่วยงานด้านการข่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บช.ปส., ปปส., ศุลกากร และ ศรภ. สืบทราบว่าจะมีสมาชิกแก๊งโขงริเวอร์ (กลุ่มคนผิวดำส่วนใหญ่เป็นคนสัญชาติไนจีเรีย ซึ่งจะรวมกลุ่มกันและเคลื่อนไหวกระทำความผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และหลอกลวงให้เหยื่อหรือผู้เสียหายหลงเชื่อว่า เป็นนักธุรกิจ หรือชาวต่างชาติที่มีหน้าตา และฐานะดี แล้วหลอกลวงให้โอนเงินให้ก่อนที่จะตัดขาดการติดต่อ (โรแมนซ์ สแกม) โดยมักจะเดินทางเข้า-ออก และก่อเหตุกับหญิงในประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ ไทย ลาว และเมียนมา)

สำหรับในประเทศไทยแก๊งโขงริเวอร์ มีพฤติการณ์ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มาเคลื่อนไหวเพื่อกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี อินเตอร์เน็ต (โรแมนซ์สแกม) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

จากการบูรณาการด้านการข่าวกับ ป.ป.ส. และ บช.ปส. ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 สืบทราบว่ามีสมาชิกแก๊งโขงริเวอร์ มาแฝงตัวพักอาศัยอยู่บริเวณที่พักย่านนวมินทร์ แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ จึงได้วางแผนจัดกำลังเข้าทำการตรวจสอบ

จนกระทั่งสามารถดำเนินการจับกุมบุคคลต่างด้าวเป็นชายชาวต่างชาติผิวดำได้ 2 ราย คือ 1. นายโจเอล อายุ 22 ปี สัญชาติแคมารูน และ 2. นายซิลลา อายุ 27 ปี สัญชาติ เซเนกัล จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบเอกสารการเดินทางหรือหลักฐานการเข้าเมืองโดยถูกกฎหมาย จากการตรวจค้นห้องพักของผู้ถูกจับเพื่อค้นหาสิ่งผิดกฎหมายตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง ผลปรากฏว่าไม่พบยาเสพติดและสิ่งของผิดกฎหมาย แต่อย่างใด

แต่จากการตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ถูกจับทั้ง 2 รายพบว่า มีการแชทพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว กับหญิงสาวทั้งชาวไทย ลาวและเมียนมา ในแอปพลิเคชัน What app, Line และ Messengers โดยจะแสดงตนว่าเป็นนักธุรกิจชาวต่างชาติที่มีฐานะดี ซึ่งทุกรายอยู่ในระหว่างการติดต่อพูดคุยเพื่อหลอกลวง แต่เหยื่อยังไม่ทันหลงเชื่อจนถึงขั้นโอนเงินให้ ก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน

ขณะที่ตรวจสอบเอกสารการเข้าเมืองและวีซ่า พบว่านายโจเอล มีหนังสือเดินทางแต่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดลงแล้ว จำนวน 1,087 วัน ส่วนนายซิลลา ไม่มีหนังสือเดินทางมาแสดง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อหาให้นายโจเอล เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดและนายซิลลา เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

ในชั้นจับกุมทั้งคู่รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมประสาน ป.ป.ส. และ บช.ปส. ดำเนินการสืบสวนเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน