มอบรางวัล อาสาตาจราจร ถ่าย 17 คลิป มอบเงิน 1.2 แสนบาท รวบคนทำผิดบนท้องถนน ด้วยหลักฐานเด็ด ให้เกียรติบัตร ย้ำกม.PDPA ไม่มีผล ถ่ายได้

วันที่ 2 มิ.ย.2565 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกันแถลงผลการมอบรางวัลและเกียรติบัตร โครงการอาสาตาจราจร แคมเปญ 7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น ที่บันทึกอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ และรางวัลประจำเดือน เม.ย.65 ให้แก่เจ้าของคลิปวิดีโอที่ได้รับคัดเลือก รวมจำนวน 17 คลิป

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนทุกคนร่วมเป็นอาสาตาจราจร สามารถส่งข้อมูลพยานหลักฐานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือ การกระทำความผิดบนท้องถนนต่างๆ ผ่านทางกล้องหน้ารถ หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในทางคดีของตำรวจได้เพื่อช่วยคนดีชี้คนผิด

โดยสามารถส่งคลิปวิดีโอผ่านช่องทางมูลนิธิเมาไม่ขับ, ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร., จส.100, สวพ.91, เฟซบุ๊กเพจตำรวจทางหลวง และเฟซบุ๊กเพจกองบัญชาการตำรวจนครบาล และจะมีคัดเลือกคลิปสำคัญ เพื่อมอบเกียรติบัตรและเงินรางวัล โดยเงินรางวัลได้รับการสนับสนุนจากวิริยะประกันภัย ซึ่งในวันนี้จะมีการมอบรางวัลให้เจ้าของคลิป 2 รายการ เงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 120,000 บาท
1.มอบรางวัลแคมเปญพิเศษ “7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น” ให้ประชาชนส่งคลิปอุบัติเหตุ ในช่วง 7 วันควบคุมเข้มข้นของสงกรานต์ 2565 ซึ่งมีประชาชนคลิปมาทั้งหมด กว่า 20 คลิป ได้คัดเลือกจำนวน 7 คลิป เจ้าของคลิปจะได้รับรางวัลคลิปละ 10,000 บาท รวมเป็นเงิน 70,000 บาท

2.มอบรางวัลคลิปอุบัติเหตุประจำเดือน เม.ย.65 อีกจำนวน 10 รางวัล โดยรางวัลที่ 1 จำนวน 20,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 10,000 บาท และรางวัลที่ 3 จำนวน 6,000 บาท ที่เหลือเป็นรางวัลชมเชย รวมเป็นเงิน 50,000 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นคลิปอุบัติเหตุจราจร ซึ่ง ศจร.ตร. ได้ส่งข้อมูลพยานหลักฐานจากคลิปกล้องหน้ารถดังกล่าว ไปให้สถานีตำรวจท้องที่เกิดเหตุ เพื่อเป็นพยานหลักฐานในสำนวน ซึ่งหลักฐานจากกล้องหน้ารถ ถือเป็นวัตถุพยาน ที่สำคัญที่สามารถชี้ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายกระทำโดยประมาทได้อย่างแท้จริง เพื่อชี้เพื่อดำเนินการกับผู้ที่กระทำความผิด

ถึงแม้พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA ที่มีการบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ขอให้ประชาชนและพลเมืองดีไม่ต้องกังวลใจในการส่งคลิปวิดีโอการกระทำความผิดของผู้ใช้รถใช้ถนนมาที่ช่องทางต่างๆ ของโครงการฯได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีความผิดตามพ.ร.บ.ดังกล่าว เนื่องจากการถ่ายคลิปตามโครงการถือว่าเป็นการกระทำเพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน

อีกทั้งเมื่อส่งมายังช่องทางต่างๆ ของโครงการแล้วจะมีการเบลอแผ่นป้ายทะเบียนและใบหน้าของผู้กระทำความผิด ก่อนนำมาเผยแพร่ทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ผู้กระทำความผิดได้รับความเสื่อมเสียหรือเสียหาย และสามารถกลับตัวกลับใจเป็นคนดีไม่กระทำความผิดซ้ำอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน