ครอบครัวผับไฟไหม้ดับเจ็บ ขอให้กองปราบปรามรับทำคดีแทน เหตุกลัวผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างเจ้าหน้าที่ ทำให้ไม่ได้รับความเป็นธรรม

วันที่ 15 ส.ค.2565 นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดัง พาญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ไฟไหม้ผับเมาน์เทนบี จ.ชลบุรี ทั้งหมด 13 ครอบครัวมาร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปราม เพื่อขอให้โอนคดีจากท้องที่มาให้กองปราบแทน เพราะหวั่นว่าจะมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่จนทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับความเป็นธรรม

นายรณณรงค์ กล่าวว่า ตนต้องการให้โอนสำนวนการทำคดีไฟไหม้ผับครั้งนี้มายังส่วนกลาง เพื่อให้พยานเหตุการณ์กล้าที่จะให้ข้อมูลต่างๆ เนื่องจากผับดังกล่าว มีทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมาตรวจสอบที่ร้านแล้วหลายครั้งก่อนเกิดเหตุ แต่เหตุใดจึงไม่ทราบว่าเป็นผับ เพราะเรื่องนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงยังมีผู้ที่มีอิทธิพลมากๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง และตัวเสี่ยบีเอง ก็ไม่ใช่เจ้าของผับที่แท้จริง

ตนเชื่อว่ายังมีหุ้นส่วนเจ้าของอีก วันนี้จึงพาตัวแทนผู้เสียหาย 13 ครอบครัว จากทั้งหมด 30 ครอบครัว มาร้องขอความเป็นธรรมกับกองปราบปราม เพราะกลุ่มผู้เสียหายยังไม่ได้รับการเยียวยาอย่างจริงจัง มีเพียงแต่เสี่ยบี ทยอยโอนเงินให้ครอบครัวคนเจ็บอีกคนละ 2 หมื่นเมื่อไม่กี่วันมานี้ และหลานของตนเองก็เป็นผู้ประสบเหตุได้รับบาดเจ็บ ถูกไฟไหม้เกิน 50 เปอร์เซนต์ยกเว้นเพียงใบหน้า จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย

ตนยังมีหลักฐานเป็นสลิปการโอนเงินค่าเหล้าจากลูกค้าที่ไปเที่ยวผับ แสดงเวลาช่วงตีสอง ซึ่งเกินจากช่วงเวลาที่ร้านสามารถเปิดให้บริการได้ตามกฎหมาย เพราะร้านนี้จะเปิดถึงตีสี่ เหตุใดจึงยังไม่มีผลการสอบเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุดังกล่าวด้วย

นายอภิชัย อินศิริ พ่อของ น.ส.กิตติยา อินศิริ ผู้เสียชีวิตรายล่าสุด เปิดเผยว่า ตนรอความรับผิดชอบจากเจ้าของผับ เพราะทุกอย่างไม่รู้ว่าต้องเยียวยาอย่างไร จะทำอย่างไรต่อไป ลูกสาวก็จากไปแล้ว มีทั้งค่ารักษาและค่าใช้จ่าย ซึ่งตนไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร มีเพียงแค่การรับปากว่าจะรับผิดชอบ แต่ยังไม่มีการติดต่อมา

ทั้งนี้ลูกสาวตนมีลูก 5 ขวบ รู้สึกสะเทือนใจมาก โดยที่ผ่านมามีการเยียวยาประมาณ 3 หมื่นบาท ซึ่งก็ไม่เพียงพอค่ารักษา

 

ขณะที่ น.ส.ยุพิน ทองนก แม่ของ น.ส.ลัดดาวัลย์ เกษกร ผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า ปัจจุบันลูกยังสู้อยู่ ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมาจากเจ้าของผับ ซึ่งได้รับเพียงเงินเยียวยา 3 หมื่นบาท ซึ่งทางเจ้าของผับเคยรับปากว่าจะเยียวยาอย่างดี แต่สรุปแล้วไม่มีการติดต่อกลับมา แล้วมาได้รับข่าววันที่ลูกสาวรับบริจาคเลือด ก็ได้เงินแค่วันนั้น

สาเหตุที่ตนมาวันนี้ อยากทราบว่าหลังจากลูกออกจากโรงพยาบาล จะได้รับค่ารักษาอย่างไร ไม่รู้ว่าต่อไปลูกจะพิการหรือต้องรักษาเพิ่มเติม อยากได้รับความมั่นใจ หากให้ตนไปรับสิทธิของรัฐก็ไม่โอเค เพราะลูกคงต้องทำศัลยกรรม ยังมีอนาคต ที่เดินทางมาเพราะต้องการขอความเป็นธรรมจากกองปราบปราม ซึ่งลูกยังจำเสียงตนได้ เมื่อวานได้ไปที่โรงพยาบาล ลูกก็ยังรับรู้ได้

ขณะที่ น.ส.ณิชารัศม์ กีรติจริยาพรรณ ญาติของนายรังสิมันตุ์ วนิชโรจนาการ มือคีย์บอร์ดผู้เสียชีวิต กล่าวว่า น้องของตนมีลูก 2 คน ซึ่งจะได้รับสิทธิเรียนฟรีจากภาครัฐ หลังเกิดเหตุเด็กทั้ง 2 คนก็จะไม่ได้ระบบสิทธิ ความลำบากตกอยู่กับลูกและภรรยา ไม่ทราบว่าจะเยียวยาอย่างไร จะเรียกร้องสิทธิการศึกษาที่ไหน

วันนี้จึงมาเรียกร้องที่กองปราบปราม ซึ่งตนไม่ได้รับเงินเยียวยาจากทางผับ เพราะครอบครัวรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และกลัวว่าจะเสียรูปคดี เหมือนกรณีซานติก้าผับ เพราะเงินที่จะได้รับไม่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิตของเด็กทั้ง 2 คน ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ของทหารเรือ เหตุใดจึงเปิดผับได้ อีกทั้งไปอีกนิดเดียวจะเป็น สภ.พลูตาหลวง ตำรวจจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าไม่มีผับเปิดตรงนี้

ส่วนที่ผับบอกว่าประตูสามารถออกได้ 4 ทาง อีก 3 ทางที่เหลือนั้นถูกล็อก เพราะน้องของตนเล่นดนตรี เดินลงมานิดเดียวก็เป็นประตูแล้ว เหตุใดจึงไม่ออกทางนั้น หากออกมาทางนั้นได้ เชื่อว่านักดนตรีก็คงไม่ต้องเสียชีวิต วันที่ได้เจอกับตัวแทนของผับ ก็มีการยืนยันว่าประตูอีกหลายทางเปิด แต่นักท่องเที่ยวไม่รู้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะน้องตนขนเครื่องดนตรีจากทางด้านหลัง ต้องรู้อยู่แล้วว่ามีประตู มีความจำเป็นอะไรที่ต้องออกทางประตูหน้า

หากออกประตูด้านหน้า ก็จะเป็นชุดสุดท้ายที่ได้ออก ไม่มีทางรอดได้ ทั้งนี้ยังไม่ได้ติดตามคดีอะไร เพราะไม่รู้จะต้องดำเนินการอย่างไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน