กองปราบตามรวบ อดีตนายตำรวจดัง “ครรชิต แตงจุ้ย” ฉ้อโกงร้านขายทอง-ร้านรับแลกเงิน พบประวัติก่อเหตุยาวเหยียด ถูกจับมาหลายแล้วครั้ง และพัวพันคดีอุ้มสจวร์ต

เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2565 ที่กองบังคับการปาบปราม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผบก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายธารา เจริญนาคา หรือ นายครรชิต แตงจุ้ย อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจ.มุกดาหาร ที่ 111/2565 ลงวันที่ 7 กันยายน 65

ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” หลังถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดยพ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.1 บก.ปทส. นำกำลังเข้าจับกุมได้ภายในซอยวิภาวดี 40/2 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายธารา หรือ ครรชิต แตงจุ้ย กับพวก ได้ไปติดต่อขอซื้อทองรูปพรรณจากร้านทองแห่งหนึ่งที่จ.มุกดาหาร โดยผู้ต้องหาจะชำระเงินด้วยการสั่งจ่ายเป็นเช็คธนาคาร พร้อมขอเลขบัญชีธนาคารของผู้เสียหายไป ก่อนออกอุบายแจ้งกับร้านทองว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว

เมื่อมีการตรวจสอบไปที่ธนาคารในช่วงเวลาดังกล่าว ปรากฏข้อมูลมีเงินเข้าบัญชีของทางร้านจริง จึงได้มอบทองรูปพรรณให้กับผู้ต้องหาไป แต่เมื่อผู้ต้องหาออกจากร้านไปแล้ว จึงได้ตรวจสอบอีกครั้งก็พบว่าไม่มียอดเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารของทางร้านแต่อย่างใด ทำให้เกิดความเสียหายประมาณ 6 แสนบาท

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาจะอาศัยช่องว่างของการเคลียริ่งเช็คธนาคาร ซึ่งจะปรากฎยอดแจ้งว่ามีเงินเข้าบัญชีจริง แต่เป็นยอดเงินจากการจ่ายเช็คเคลียริ่ง ไม่ใช่เงินสดแต่อย่างใด ร้านทองจึงได้เข้าแจ้งความกับสภ.เมืองมุกดาหาร พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ยื่นต่อศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาไว้ ก่อนจะตามจับกุมได้ดังกล่าว

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหามีหมายจับของศาลจ.หนองคายที่ 145/2565 คดีหมายเลขดำที่ อ 627/2565 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 65 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้” อีก 1 คดี เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

รายงานข่าวแจ้งว่า นายธารา หรือ พ.ต.ท.ครรชิต แตงจุ้ย หรือ นายภัทร ทรัพย์วรา หรือ นายกรณ์ แตงจุ้ย หรือนายอ้อย หรือนายเอ อดีตเคยเป็นรองผกก.จร.สน.บางรัก อดีตนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 ที่ผ่านมาเคยถูกจำคุกและให้ออกจากราชการ

เนื่องจากไปพัวพันกับคดีการหายตัวลึกลับไปของนายชัยรัตน์ รุ่งเรือง หรือ “เสี่ยติงนัง” พนักงานต้อนรับของสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เมื่อปี 2542 ขณะนั้นผู้ต้องหากับพวกร่วมกันก่อเหตุลักรถยนต์ เบนซ์ และร่วมกันปลอมตั๋วเงิน โดยการเขียนปลอมลายมือชื่อนายชัยรัตน์ นำไปเรียกเก็บเงินต่อเจ้าหน้าที่ธนาคาร

นอกจากนี้ยังร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จกับพนักงานสอบสวนสน.บางรัก ร่วมกันปลอมลายมือชื่อในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของนายชัยรัตน์ อีกด้วย สุดท้ายผู้ต้องหาถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 15 ปี 6 เดือน

หลังจากพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 55 ผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวก ฉ้อโกงร้านทอง หลายร้าน โดยใช้อุบายทำทีซื้อทองในลักษณะเดียวกัน คืออาศัยช่องว่างของการเคลียริ่งของธนาคาร จนได้ทองคำน้ำหนักหลายร้อยบาท มูลค่าหลายสิบล้านบาท ก่อนจะถูกจับกุมตัวได้อีกครั้งเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 58

ต่อมาเมื่อพ้นโทษออกมาในปี 2565 ผู้ต้องหาได้ตระเวนออกทำความผิดอีกในลักษณะเดิม ในพื้นที่จ.หนองคาย และจ.มุกดาหาร ซึ่งระหว่างที่ผู้ต้องหาหลบหนีการประกันตัวในคดีของศาลจ.หนองคาย และก่อนจะถูกจับในครั้งนี้ ยังทราบอีกว่าเมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ยังไปก่อเหตุฉ้อโกงร้านรับแลกเงินย่านถนนสุรวงศ์ พื้นที่สน.บางรัก ได้เงินสดไป 8 แสนบาท อีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน