สมุทรปราการ / ตร.รับแจ้งมีคนถูกแทง ไปตรวจสอบพบเป็นเหตุ เมียโมโหผัว ห้ามไม่ให้ออกเที่ยว โทรตามกิ๊ก พาพวกมารุมฟันดับ ก่อนตามจับได้ยกแก๊ง ญาติแฉหนังคนละม้วน

เรื่องราวครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อช่วงตี 1 เศษ วันที่ 28 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงาน ตำรวจโรงพักบางเสาธง รับแจ้งมีผู้ถูกแทงบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่หน้าหอพักแห่งหนึ่งในชุมชนเคหะเมืองใหม่บางพลี ตำบลบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พบนายสุริยา (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ชาวอำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ถูกมีดแทงที่หน้าท้องและตามร่างกายหลายแห่ง จึงประสานรถกู้ชีพนำตัวส่ง รพ.บางนา2

ในที่เกิดเหตุที่ห้องพักห้องหนึ่งที่ชั้น 5 ยังพบร่องรอยการต่อสู้และคราบเลือดนองเต็มพื้นห้อง รวมถึงตามผนังข้างห้องยังมีเลือดสาดกระจายทั่วห้องพัก ขณะที่กล้องวงจรปิดของหอพักสามารถจับภาพคนร้ายเป็นชาย3คนขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สีดำไม่ติดป้ายทะเบียน มาที่หน้าหอพัก ก่อนจะพากันบุกเข้าไป

โดยภาพวงจปิดที่ชั้น 5 จับภาพได้ ขณะที่กลุ่มผู้ต้องหาไปถึงหน้าห้องและเคาะประตูเรียกฝ่ายหญิงให้เปิดประตู จากนั้นประตูถูกเปิดออกโดยที่ฝ่ายหญิงเดินสวนออกมาด้านนออกแล้วกลุ่มผู้ต้องหาจึงกรูกันเข้าไปในห้องหลุดรัศมีกล้องวงจรปิดไป ซึ่งจากภาพวงจรปิดดังกล่าวถูกใช้เป็นหลักฐาน

ด้าน ผู้ดูแลหอพักแห่งนี้ ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายกับแฟนสาวมาเช่าห้องอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน ที่ผ่านมามักมีปากเสียกันบ่อย เพราะฝ่ายหญิงชอบออกไปเที่ยวกลางคืนแต่ฝ่ายชายไม่อยากให้ออกไปจนเกิดมีปากเสียงกัน ล่าสุดทราบว่ามีปากเสียงกันตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนกระทั่งมาเกิดเหตุร้ายดังกล่าว

ต่อมาตร.สอบสวน น.ส.นิด(นามสมมุติ) แฟนสาวของนายสุริยา ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนชายที่สนิทกันกับเพื่อน ชื่อ นายเปรมสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี นายจิระพันธ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี และนายไชยยา (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี เจ้าตัวให้การว่า คบและอยู่กินกับ นายสุริยา ผู้ตาย ได้ประมาณ 5 เดือน ยอมรับว่าตนชอบเที่ยวแต่ก็ไม่บ่อย จนมีปากเสียงกันบ่อยแต่ก็ไม่ได้รุนแรง

ขณะที่ฝ่ายแฟนหนุ่มมักชอบดื่มเบียร์เป็นประจำ พอเมาก็ชวนทะเลาะมีปากเสียงกัน จนกระทั่งเมื่อช่วงค่ำ นายสุริยาออกไปซื้อเบียร์มาดื่มสองขวดจนเมาได้ที่ แล้วเกิดมีปากเสียงกันเพราะเห็นตนเองอาบน้ำแต่งตัวแล้วเข้าใจผิดคิดว่าตนเองจะออกไปเที่ยว แล้วนายสุริยาคว้ามีดขึ้นมาข่มขู่ ทำให้ตนเองหวาดกลัว

น.ส.นิดให้การต่อว่า ตนตัดสินใจโทรตามเพื่อนชายที่ทำงานด้วยกัน ซึ่งรู้จักและสนิทสนมกันได้สองเดือนกว่าให้มาช่วย เพราะนายสุริยาเมาและมีมีด จนอีกฝ่ายมาถึงพร้อมกับเพื่อนพอเปิดประตูเข้ามา นายสุริยาซึ่งมีมีดในมือจึงใช้มีดฟันที่คิ้วของเพื่อนจนเกิดการต่อสู้และชุลมุนกันสุดท้ายมาพบว่าเจ้าตัวถูกฟันหลายแผลจึงรีบแจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือ








Advertisement

หลังได้ข้อมูลชุดสืบสวนติดตามไปจับกุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนได้ โดยนายเปรมสุข ยอมรับว่ารู้จักและสนิทสนมกับฝ่ายหญิงจริง เพราะทำงานที่เดียวกัน ช่วงค่ำก่อนเกิดเรื่องฝ่ายหญิงโทรมาบอกให้มารับเพราะทนไม่ไหว ซึ่งตนเองตอนแรกก็ไม่ได้มา

กระทั่งช่วงดึกฝ่ายหญิงโทรมาตามอีกครั้งแล้วบอกว่าอีกฝ่ายชายมีมีดทำทีจะแทง ตนเองจึงโทรตามเพื่อนรวมสามคนและพากันมาที่ห้องฝ่ายหญิงเพื่อนมาเคลียร์ใจแต่พอเปิดประตูเข้าไปกลับถูกฝ่ายชายใช้มีดฟันถูกนายไชยยาก่อนจนบาดเจ็บที่คิ้วข้างซ้าย จึงเกิดการรุมต่อสู้กันจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว หลังเกิดเหตุพวกตนนำตัวนายไชยยา ส่งโรงพยาบาล ก่อนถูกจับกุม

หลังสอบสวนตำรวจได้คุมตัวทั้ง3คนมาทำประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือ และเก็บ DNA ต่อมาทางโรงพยาบาลบางนา2 แจ้งว่านายสุริยาเสียชีวิตลงเมื่อราวตี 5 เศษ จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย” นอกจากนั้นตำรวจยังเชิญตัว น.ส.นิด ภรรยาของผู้ตายมาสอบปากคำและทำประวัติพร้อมทั้งเก็บตัวอย่าง DNA ไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนทางคดีด้วย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ครอบครัวของผู้เสียชีวิตนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีเชิญวิญาณของนายสุริยาให้กับไปบ้านเกิดหาบิดามารดาที่จังหวัดร้อยเอ็ด ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและเศร้าโศกเสียใจการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

ด้านน.ส.ณีรนุช (สงวนนามสกุล) ลูกพี่ลูกน้องกับผู้ตาย ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา โต้แย้งคำให้การของฝ่ายหญิง ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุไม่นาน ผู้ตายโทรศัพท์ไปหา บอกว่าให้ช่วยมาหาหน่อย ฝ่ายหญิงโทรเรียกผู้ชายมาหาเรื่องที่หน้าห้อง ตนเองจึงรีบเดินทางมา แต่ในระหว่างทางยังโทรหาผู้ตายเพื่อให้ส่งโลเคชั่นที่อยู่ให้ แต่ฝ่ายหญิงรับสาย พร้อมบอกว่า พี่แต้ม (ผู้ตาย) ไม่ไหวแล้ว

ซึ่งตนเองก็ตกใจเพราะเพิ่งวางสายไม่กี่นาทีพอโทรกลับฝ่ายหญิงบอกไม่ไหว พอเดินทางมาถึงพบว่าถูกแทงจมกองเลือดแล้วโดยพบเพียงฝ่ายหญิงนั่งกอดร่างร้องไห้ ขณะที่ผู้ตายหายใจโรยรินระหว่างจะเคลื่อนย้ายไปโรงพยาบาล ผู้ตายยังลืมตามองหน้าตนเองซึ่งตนเองยังพูดว่าหนูมาหาแล้ว จนกระทั่งถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาตีห้ากว่าวันเดียวกัน

ส่วนคำให้การของฝ่ายหญิง ตนรู้สึกโกรธมากทำไมต้องให้การใส่ร้ายคนตายขนานนั้น โดยเฉพาะที่อ้างว่าพี่ชายเมานั้น ตนยืนยันว่าไม่มีทางเมาเด็ดขาดและพี่ชายไม่เคยดื่มจนเมา ตอนโทรหาก็ไม่มีน้ำเสียงที่ดูแล้วจะเมาแต่อย่างใด ปกติแล้วคนตายไม่ได้ดื่มประจำ เพราะเป็นคนใช้เงินประหยัด ตั้งแต่มาอยู่กับฝ่ายหญิงคนนี้ เงินก็ไม่พอใช้ บางวันบอกว่ามีเงินไปทำงานยังไม่ถึงร้อยบาทด้วยซ้ำ จะใช้จะกินอะไรก็ต้องประหยัด

ส่วนประเด็นที่อ้างว่าคนตายจะทำร้ายร่างกายฝ่ายหญิงนั้น ตนยืนยันว่าผู้ตายไม่เคยมีนิสัยอะไรแบบนั้น ไม่เคยทำร้ายร่างกายผู้หญิงและทั้งหมดนี้ หากฝ่ายหญิงไม่โทรตามอีกฝ่ายมารุมก็คงไม่เกิดเรื่องร้ายแบบนี้

ขณะที่ น.ส.ภัชรา พี่สาวของผู้ตาย ออกมาให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับความสูญเสียน้องชายไป เพราะครอบครัวพ่อแม่มีลูกเพียงสองคน คือตนเองและคนตาย ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวเป็นความหวังของพ่อกับแม่ทั้งสองคน จากความสูญเสียนอกจากตนเองจะช็อกแล้ว ทั้งพ่อและแม่ยิ่งทำใจไม่ได้และเสียใจอย่างมากกับเหตุการณ์ในครั้งนี้

น้องเป็นคนมีเหตุมีผลและไม่เคยมีนิสัยก้าวร้าวไม่ว่ากับใครก็ตาม ยิ่งจากคำให้การของฝ่ายหญิง ยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกโมโหฝ่ายหญิงมากที่ให้การใส่ร้ายคนตายและที่สำคัญฝ่ายหญิงเองที่เป็นคนโทรตามอีกฝั่งให้มาทำร้ายน้องชายจนตาย แถมยังห้องนี้ก็เป็นห้องที่น้องชายเป็นคนจ่ายค่าเช่า

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาเคยคุยกับน้องชายหรือน้องชายคนพูดคุยระบายอะไรด้วยหรือไม่ พี่สาวคนตายระบุว่า ที่ผ่านมาคุยกันทุกวัน น้องชายมักจะระบายให้ฟังว่า ทะเลาะมีปากเสียงกับฝ่ายหญิงบ่อยครั้งเพราะฝ่ายหญิงชอบออกไปเที่ยว ห้ามก็ไม่ค่อยฟัง ขนาดเงินไม่มี ยังแอบเอาโทรศัพท์ของน้องชาย กดโอนเงินในบัญชีไปใส่ไว้ในบัญชีตนเอง ทำให้น้องชายพอทำงานได้เงินเดือนมาก็ไม่ค่อยได้ใช้เงิน

หนักสุดคือก่อนเกิดเรื่องได้ไม่นาน น้องชายไม่มีเงินแม้จะซื้อข้าวทานจนต้องต้องโอนเงินให้บ่อยครั้ง ซึ่งตนเองยังบอกให้น้องชายเปลี่ยนระหัสการโอนเงิน ล่าสุดแม่ไม่สบายต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลน้องชายก็เป็นคนอาสาที่จะขอกลับไปดูแลแม่ที่โรงพยาบาลเมื่ออาทิตย์ก่อนจะเกิดเรื่อง

เมื่อถามว่าหากฝ่ายหญิงจะไปร่วมงานศพด้วยจะติดขัดหรือให้ไปหรือไม่ ด้านพี่สาวระบุว่าให้ไป แต่ไม่รับรองว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ส่วนทางแม่ อยากให้ฝ่ายหญิงไปกราบขอขมาศพ ตัดเวรตัดกรรมจากน้องชายกันไป

หลังจากนี้จะติดต่อขอรับศพน้องชายกลับภูมิลำเนาบ้านเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งจะตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดสว่างอารม์ ตำบลหินกอง อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด แต่ทั้งนี้ต้องดูในเรื่องของมาตรการโควิดในพื้นที่ก่อน เพราะน้องชายผลยืนยันว่ามีเชื้อโควิด หากจะต้องทำพิธีเผาศพเลยก็จะต้องดำเนินการแล้วนำอัฐฐิมาสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 3 คืน เพื่อทำบุญและอุทิศส่วนกุศลให้กับน้องชาย

ในส่วนของความคืบหน้าทางคดี ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.นิรันดร ฝักสุบัน ผกก.สภ.บางเสาธง เปิดเผยว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมและพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างจึงขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ โดยศาลจังหวัดสมุทรปราการ อนุมัติหมายจับ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดขอปฎิเสธการพาไปทำแผนเนื่องจากหวั่นเรื่องความปลอดภัย ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหา

จากนี้พนักงานสอบสวนเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนำตัวผู้ต้องหาททั้งสามคนฝากขังผลัดแรกที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการในวันพรุ่งนี้(30พ.ย.)ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการนำเสนอข่าวนี้ออกไปทำให้เกิดกระแสร้อนแรงในโลกออนไลน์โดยเฉพาะคำให้การกล่าวอ้างของฝ่ายหญิง ซึ่งอ้างว่าสามีเมาเบียร์แล้วถือมีดขู่จะทำร้าย ขณะที่ชาวเน็ตต่างพากันไปขุดคุ้ยจนไปพบฝ่ายหญิงออกมาโพสต์สเตอรี่เศร้าบอกทำนองรักสามี นอกจากนั้นยังมีการโพสต์ก่อนเกิดเหตุทำนองระบุว่าไม่มีแฟน ทำให้ชาวเน็ตต่างพารถทัวร์ไปลงที่เฟซบุ๊กของฝ่ายหญิง จนต้องปิดโพสต์และข้อมูลส่วนตัวเป็นที่เรียบร้อย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน