แม่ช็อก เขยโทรบอก ลูกสาวดับ อ้าง ฮีทสโตรก ผงะ รอยช้ำ-ฟันร่วงหลายซี่

แม่ช็อก เขยโทรบอก ลูกสาวนอนสิ้นใจในห้อง อ้างเป็น ฮีทสโตรก ผงะ รอยเขียวช้ำ ฟันร่วงหลายซี่ ตำรวจคุมตัวผัวสอบ ญาติแฉซ้ำ ฝ่ายหญิงถูกซ้อมประจำ แต่ทนเพราะรัก

วันที่ 14 เม.ย.2566 ร.ต.ท.อนุชิต เพ็งวิชัย รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักหลังหนึ่ง ต.กระสัง อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกู้ชีพ อบต.บ้านยาง

แม่ช็อก เขยโทรบอก ลูกสาวนอนสิ้นใจในห้อง อ้างเป็น ฮีทสโตรก ผงะ รอยเขียวช้ำ ฟันร่วงหลายซี่

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ภายในห้องนอนพบศพ นางสุณีย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี สภาพปากแตกฟันร่วงหลายซี่ ตามใบหน้าและลำตัวมีร่อยฟกช้ำเขียวทั่วร่างกาย คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง เบื้องต้นตำรวจสอบถาม นายสุนทร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี สามีของผู้เสียชีวิตอ้างว่า ไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตของภรรยา

จากการสอบถาม นางนุ่น อายุ 54 ปี ญาติของผู้ตาย กล่าวว่า ปกติผู้ตายจะไปอยู่บ้านนายสุนทรที่ ต.บ้านยาง ห่างกันประมาณ 15 กิโลเมตร ที่ผ่านมาเวลาผู้ตายกลับบ้านมักจะเห็นรอยเขียวช้ำ และยอมรับว่าโดนสามีทำร้าย แต่ก็ยังรักเหมือนเดิม เวลาสามีมาตามก็จะกลับบ้าน จนชาวบ้านพูดกันว่า “จะปล่อยให้ผัวซ้อมจนตายหรือ”

นางนุ่น กล่าวต่อว่า ครั้งนี้นายสุนทรโทรศัพท์มาที่บ้านแม่ของผู้ตาย บอกว่าภรรยานอนเสียชีวิต คาดว่าน่าจะเป็นฮีทสโตรก ญาติ ๆ จึงพากันไป เมื่อเห็นสภาพศพแล้วไม่น่าจะใช่ เพราะฟันหัก ปากแตก และมีรอยเขียวช้ำทั่วร่างกาย คาดว่าโดนซ้อมอย่างแน่นอน ก่อนจะไปแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ

ด้าน นางหนึ่ง อายุ 78 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกสาวเป็นคนขยัน ทำงานหาเงินให้สามีใช้ ขณะที่สามีชอบดื่มเหล้าและทำร้ายภรรยาเป็นประจำ หลายครั้งที่บอกให้ลูกสาวเลิก แต่ลูกสาวไม่ยอมเลิก ครั้งนี้ถือว่าทำรุนแรงเกินไป อยากให้ตำรวจดำเนินคดีจนถึงที่สุด

ขณะที่ นางเขียง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 73 ปี แม่ของผู้ต้องสงสัยฆ่าภรรยาตัวเอง กล่าวว่า ทั้งสองคนมาอยู่ที่บ้านประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายหญิงจะดื่มเหล้าหนักกว่าฝ่ายชาย คืนเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงทะเลาะกัน และไม่รู้ว่าลูกสะใภ้ตายได้อย่างไร หรืออาจจะเป็นเพราะอากาศร้อน

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตำรวจนำตัวนายสุนทรไปสอบสวน และยังคงให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้ทำร้ายภรรยาเสียชีวิต ซึ่งตำรวจจะเร่งหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเอาผิด เนื่องจากเริ่มพบหลักฐานเพิ่มขึ้นว่าน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ