มาร์คพิทบูล ร้อง สน.ดุสิต หลังเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นกับครอบครัว ถูก ตม.กักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ

เมื่อเวลา 09.30 วันที่ 24 เม.ย. 2566 ที่สน.ดุสิต นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรครักษ์พื้นป่าประเทศไทย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พงศพัศ บัวรุ่ง รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ดุสิต เพื่อยื่นหนังสือขอให้มีการตรวจสอบกรณีเดินทางเข้า-ออกต่างประเทศ ของตน ไม่ผ่าน ตม. โดยมีการอ้างว่าได้รับแจ้งว่ามีหมายจับจาก สน.ดุสิต อยู่ในระบบ

นายณัชพล เปิดเผยว่าที่เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นกับครอบครัว แต่ถูกกักตัวไว้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอ้างว่าตนมีหมายจับค้างเก่าในพื้นที่สน.ดุสิต ใน 3 ข้อหา

คือ วางสิ่งของกีดขวางในที่สาธารณะ,กระทำการอันเป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม,และใช้เครื่องขยายเสียงก่อความรบกวนโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นผลจากการทำกิจกรรมประท้วงในช่วงการจัดประชุมเมื่อหลายปีก่อน โดยเป็นการจุดไฟเผาเป็นเชิงสัญลักษณ์ในโลงศพและเปิดลำโพงบทสวด

ซึ่งในครั้งนั้นช่วงก่อนจัดกิจกรรมได้มีการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เผาโรงศพเพราะเกรงว่าจะเกิดอัคคีภัยไปยังสถานที่ราชการที่อยู่ใกล้เคียง จึงได้จัดกิจกรรมเป็นเชิงสัญลักษณ์ด้วยการเผากระดาษในกะละมังที่ใส่ไว้ในโลงศพและเปิดบทสวดดังกล่าว

ต่อมาผู้ที่ร่วมการประท้วง 10 คนถูกออกหมายจับใน 3 ข้อหาดังกล่าว จากนั้นตนเองก็ใช้ชีวิตตามปกติเรื่อยมาและได้มีการตรวจสอบกับทนายความว่ามีหมายจับใดติดตัวครั้งเก่าอยู่หรือไม่ซึ่งทนายความแจ้งว่าไม่มีหมายจับใดๆตกค้างอยู่ จึงเดินทางไปต่างประเทศ

นายณัชพล กล่าวต่อว่า ในครั้งนั้นในวันที่ 13 เม.ย. ได้ทำหนังสือสอบถามและพูดคุยจนสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ กระทั่งวันเดินทางกลับในวันที่ 17 เม.ย. ก็ไม่สามารถเดินทางกลับเข้าประเทศได้อีก เพราะยังคงมีข้อมูลการถูกออกหมายจับค้างเก่าอยู่

จึงทำให้ตนเองรู้สึกไม่พอใจและได้ให้ทนายความตรวจสอบข้อมูลหมายจับค้างเก่าทั้งหมด ก็พบว่าตนเองไม่ได้มีหมายจับใดๆค้างอยู่ และในวันนี้(24 เม.ย) จึงเดินทางมาให้ทางสน. ดุสิตตรวจสอบว่าตกลงแล้วตนเองยังมีหมายจับค้างเก่าอยู่หรือไม่เพราะจากการตรวจสอบพบว่าหมายจับดังกล่าวหมดอายุไปแล้ว และหากหมายจับยังมีอายุความอยู่ก็ให้จับกุมดำเนินคดีกับตนเองทันที

แต่หากเป็นหมายจับค้างเก่าที่หมดอายุและค้างอยู่ในระบบก็จะต้องได้คำตอบว่าเหตุใดจึงไม่นำข้อมูลดังกล่าวออกจากระบบจนทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย หากกรณีนี้เกิดขึ้นกับชาวบ้านประชาชนทั่วไป ก็จะไม่มีช่องทางในการเรียกร้องความเป็นธรรมและอาจได้รับความเดือดร้อนมากกว่าตนเองอีกหลายเท่า

และในช่วงบ่ายวันนี้จะนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนกับสำนักงานป.ป.ช. ให้ช่วยตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการกลั่นแกล้งหรือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหรือไม่

ภายหลังการให้สัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวมาร์คพิทบูลเข้าไปพูดคุยภายในห้องรองผู้กำกับการสอบสวนสน.ดุสิต เพื่อตรวจสอบข้อมูลว่าตกลงแล้วยังมีหมายจับติดตัวหรือยังมีผลทางคดีอยู่หรือไม่

โดยมีรายงานว่าจากการตรวจสอบพบว่า หมายจับดังกล่าวได้หมดอายุความไปแล้ว และไม่สามารถใช้ดำเนินการจับกุมนายมาร์คพิทบูลได้ จึงเตรียมพิจารณาข้อมูลและรายละเอียดหมายจับอื่นๆว่ามีหมายจับใดค้างเก่าอยู่หรือไม่และดำเนินการแก้ไขข้อมูลต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน