ขาใหญ่วัดโบสถ์ ระแวงเพื่อน ตีท้ายครัว คว้าอาวุธสงครามบุกบ้าน ยิงดับ 2 ศพต่อหน้าเมียและลูกของผู้ตาย ก่อนขับจักรยานยนต์หลบหนี ตร.เร่งล่าตัว

วันที่ 8 มิ.ย.2566 ร.ต.อ.พีรพันธ์ กันหมุด พนักงานสอบสวน สภ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 ราย ที่บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่บ้านหนองกระบาก ต.คันโช้ง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.อำนาจ เมฆสิน รอง ผกก.ป.รรท.ผกก., พ.ต.ท.โกศล สวัสดิเทพ รอง ผกก.สส.ฯ พ.ต.ท.นฤนาจ บุญจวง รอง ผกก.สอบสวน, เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลวัดโบสถ์ และหน่วยกู้ภัยพิษณุโลก

ขาใหญ่วัดโบสถ์ ระแวงเพื่อน ตีท้ายครัว คว้าอาวุธสงครามบุกบ้าน ยิงดับ 2 ศพ

ขาใหญ่วัดโบสถ์ ระแวงเพื่อน ตีท้ายครัว คว้าอาวุธสงครามบุกบ้าน ยิงดับ 2 ศพ

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 2 ราย นอนอยู่บริเวณด้านหน้าของตัวบ้าน คือ นายแวง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืน กระสุนขนาด 5.56 มม. ที่บริเวณหน้าอกทะลุหลัง 1 นัด และ นายมนู (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืน กระสุนขนาด 5.56 มม. เข้าที่บริเวณริมฝีปากข้างซ้าย 1 นัด ตรวจสอบปลอกกระสุนขนาด 5.56 มม. มีปลอกกระสุน 3 ปลอก และกระสุนที่ยังไม่ได้ยิงอีก 1 นัด ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายบาดิน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป

จากการสอบสวน นางสายทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) ภรรยาของนายแวง อายุ 55 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุนายบาดินได้ขับรถจักรยานยนต์ไม่ทราบสีและยี่ห้อ มาพร้อมกับนายมนู หลังจากมาถึงบ้าน นายบาดินได้สั่งนายแวงกับนายมนู ซึ่งทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ให้ไปนั่งลงกับพื้นภายในบ้านตรงจุดที่เกิดเหตุ ก่อนจะพูดคุยและมีการโต้เถียงกัน

นางสายทิพย์ กล่าวต่อว่า ซึ่งนายบาดินกล่าวหาว่านายแวงมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับภรรยาของนายบาดิน หลังมีการโต้เถียงกันอยู่ไม่นาน นายบาดินได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงใส่ผู้ตายทั้งสองคน ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปทันที เจ้าหน้าที่อีกชุดได้เข้าไปตรวจสอบบ้านของนายบาดินไม่พบตัวแต่อย่างใด

ภรรยาของนายแวง กล่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุสามีตนกินข้าวเสร็จนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน ส่วนตนอยู่ในห้องโถง มองเห็นนายบาดินขับรถจักรยานยนต์มาที่บ้าน มีลักษณะต้องสงสัย เพราะดับเครื่องปล่อยให้รถไหลมา ตนรู้สึกไม่ดี เพราะเคยมีเรื่องกับสามีกันมาก่อน เมื่อนายบาดินมาถึง สามีได้บอกว่าใจเย็น ๆ นายบาดินพูดว่า “กูจะกระทืบมึง” เพราะไปยิงปืนใส่ตนทำไม นายแวงบอกว่า “กูไม่มีปืนจะไปยิงใส่บ้านมึงได้ยังไง”

นางสายทิพย์ กล่าวว่า ตนจึงบอกย้ำว่า สามีไม่มีปืนจริง ๆ แต่นายบาดินบอกให้ตนหลบไป ไม่อย่างนั้นจะยิงตน จากนั้นได้หันปืนไปหาทั้ง 2 คน บอกให้นั่งกับพื้นตรงกำแพง ตนได้พูดตลอดว่ามีอะไรค่อย ๆคุยกัน เพราะพูดมากล่าวว่านายแวงไปมีอะไรกับเมียนายบาดิน ไม่เป็นความจริงไม่มีมูลเลย ทางนายแวงได้บอกตนให้ถอยไป ถึงยังไงก็เป็นเพื่อนกันคงพูดกันรู้เรื่อง

นางสายทิพย์ กล่าวด้วยว่า พอพูดจบนายบดีก็ยิงนายแวงและนายมนูอีกคน ตนได้วิ่งไปกอดสามีเอาไว้ นายบาดินได้จ่ออีก 4 นัด แต่กระสุนนัดที่ 3 ด้าน ส่วนนัดที่ 4 ลูกของตนอยู่ในบ้านเห็นจะยิงตน แต่กระสุนไม่โดน ก่อนนายบาดินจะขับรถหลบหนีไปทันที

ด้าน นายไม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 66 ปี พ่อของผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนบอกไปแล้วให้มามอบตัว ถ้าหากต่อสู้ก็ให้จัดการไปเลย ม้วนรวมกันไป 2 ให้ก็เป็น 3 ไปเลย จากใจพ่อพูดจริง ๆ ไม่ได้เข้าข้างลูกผิดก็ว่าไปตามผิด ส่วนเสพยานั้นรู้ว่าเสพ แต่ไม่ทำให้พ่อเห็น ตอนพ่อยังมีชีวิตอยู่บอกห้ามเลยพ่อขอร้อง สำหรับผู้ตายกับลูกชายเป็นเพื่อนรักอยู่กันมาตลอด ส่วนจะไปขัดใจเรื่องอะไรไม่รู้

นายไม กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องชู้สาวตนไม่สันนิษฐาน เพราะไม่รู้ ส่วนจะไปขัดเรื่องยาเสพติดคงไม่มีขัดกัน ตนต้องขอโทษ จากใจพ่อแม่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่มันเกิดมาแล้วต้องให้เขารับผิดไป ตอนนี้อยากให้มอบตัว แต่ตอนนี้อยากให้ติดต่อได้ก่อน ไม่สามารถติดต่อได้ จึงพูดอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้ไปอยู่ไหน

ต่อมาเจ้าหน้าตำรวจ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลวัดโบสถ์ ชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด และได้ส่งศพผู้ตายทั้งสองคนไปให้แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราชผ่าพิสูจน์ เพื่อประกอบสำนวน ส่วนผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ พบว่าเคยติดคุกคดีฆ่าผู้อื่นมาแล้วครั้งหนึ่ง แถมยังขาใหญ่ในพื้นที่ อ.วัดโบสถ์ มีอาวุธปืนกลแบบเอ็มพี5 ในการสังหารครั้งนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน