ทางหลวงเจอคาตา! แจ้งจับหนุ่มตัดสายไฟ เมียช็อกแจงเหตุจำใจแก๊สหุงต้มหมด

วิศวกรโยธาเจอคาตา แจ้งตำรวจจับหนุ่มขี่ซาเล้งตัดสายไฟส่องสว่างเกาะกลางถนน ทำไฟดับยาวกว่า 2 ก.ม. เมียรู้ข่าวช็อก แจงเหตุผัวทำเพราะจำใจแก๊สหุงต้มหมด

เมื่อเวลา 15.45 น.วันที่ 22 มิ.ย.2566 นายอรรถพล พระโคตร วิศวกรโยธาปฏิบัติการ แขวงทางหลวงนนทบุรี แจ้งตำรวจ สภ.บางบัวทอง เข้าควบคุมตัวนายโชติพงศ์ อายุ 30 ปี พร้อมของกลางสายไฟฟ้าอลูมิเนียมที่ถูกลักลอบตัดความยาว 50 เมตร อุปกรณ์ตัดสายไฟและรถซาเล้งที่ใช้เป็นพาหนะก่อเหตุตัดสายไฟ บนทางหลวงหมายเลข 345 ปากซอยทางเข้าวัดลำโพ ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

นายอรรถพล ระบุ ที่ผ่านมาแขวงทางหลวงนนทบุรีได้รับแจ้งปัญหาไฟส่องสว่างบนถนนหลายสายดับเป็นประจำ เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุพบว่าเกิดมาจากการลักลอบตัดสายไฟไปขายสร้างความเดือดร้อนและเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมา ความเสียหายในครั้งนี้ทำให้ไฟส่องสว่างบนเกาะกลางถนนบริเวณนี้ดับเป็นระยะทางยาว 2 ก.ม.

ส่วนสาเหตุที่คนร้ายไม่ถูกไฟฟ้าชอร์ตระหว่างตัดสายไฟนั้น เป็นเพราะระบบไฟส่องสว่างจุดนี้เป็นระบบแบบเซ็นซิทีฟอัตโนมัติ คือเมื่อระบบจับสัมผัสได้ว่าท้องฟ้าเริ่มมืดลงก็จะจ่ายกระแสไฟฟ้ามาตามสายไฟเพื่อให้ความสว่าง แต่ช่วงกลางวันจะไม่มีการปล่อยกระแสออกมา กรมทางหลวงชนบทประเมินตัวเลขความเสียหายจากการถูกจารกรรมทรัพย์สินทางราชการปี 2565 พบว่าได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท จากการถูกลักลอบตัดสายไฟ หม้อแปลงไฟฟ้า และอุปกรณ์สัญญาณจราจรต่างๆ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายโชติพงศ์ ไปสอบสวนแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมาย ระหว่างนั้นภรรยานายโชติพงศ์ เดินทางเยี่ยมสามี พร้อมเปิดเผยว่า สามีไปยืมรถซาเล้งจากพี่ชายมาออกไปหาเก็บของเก่ามาขายเพราะแก๊สหุงต้มในบ้านหมด ไม่คิดว่าจะมาถูกจับเพราะไปลักลอบตัดสายไฟ

สามีเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้ไปหาหมอเพราะไม่มีเงิน หากแก๊สไม่หมดสามีคงไม่ออกไปหาเก็บของเก่าจนถูกจับกุมเช่นนี้ ยังไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือสามีได้อย่างไรเงินจ้างทนายก็ไม่มี สงสารลูกชายคนเล็กที่เขาติดพ่อมาก พอรู้ว่าพ่อถูกจับก็ร้องไห้ขอตามมาเยี่ยมพ่อเขาด้วย