ปวีณา นำ 3ญาติผู้เสียหายในต่างแดน ขอความช่วยเหลือ อธิบดีกรมการกงสุล รายแรกหญิงถูกหลอกไปทำงานดูไบ ก่อนเสียชีวิตปริศนา รายที่สอง แม่ร้องลูกสาววัย16 ถูกหลอกค้าประเวณีที่มาเลเซีย รายสุดท้ายเมียวอนช่วยผัวถูกหลอกไปเป็นแก๊งคอลที่เมียนมา

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 66 ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ กทม. นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้นำญาติของเหยื่อ 3 กรณี เข้าพบ นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล เพื่อหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

นางปวีณากล่าวว่า กรณีแรกญาติของ น.ส.ธนาภา อายุ 44 ปี ร้องเรียนว่า น.ส.ธนาภา ถูกหลอกไปทำงานนวดแผนไทย ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังเดินทางไปได้ 3 วัน ได้เสียชีวิตปริศนามานานร่วม 9 เดือน กลายเป็นศพไร้ญาติ โดยทางสามีและพี่สาวเพิ่งทราบข่าวจากคนไทยที่อยู่ที่เมืองดูไบ ทางญาติต้องการนำศพ น.ส.ธนาภากลับมาบำเพ็ญกุศลที่เมืองไทย และให้มูลนิธิปวีณาประสานหน่วยงานเพื่อหาสาเหตุการตายและขอความเป็นธรรมให้ด้วย

กรณีที่ 2 มารดาของ น.ส.เอ(นามสมมติ) อายุ 16 ปี ได้เข้าร้องเรียนว่าลูกสาวถูกหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีภาพกล้องวงจรปิดที่มีหญิงสาวมาพาตัวไป จับพิกัดสุดท้ายจาก facebook ลูกสาว ได้ที่ประเทศมาเลเซีย

และกรณีที่ 3 ภรรยาได้เข้าร้องเรียนว่าสามีชื่อ นายบี (นามสมมติ)อายุ 25 ปี ถูกหลอกไปกักขังที่ประเทศเมียนมา ให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่หลอกลวงคนไทยให้ร่วมลงทุนเทรดหุ้น โดยสามีได้รับความทุกข์ทรมาน นอกจากนี้ยังมีเหยื่อคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นทีมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถูกบังคับ ถูกกักขัง ต้องการความช่วยเหลือกว่า 300 คน

นางปวีณากล่าวว่า ที่ผ่านมามูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานการช่วยเหลือกับทางท่านอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่าง ประเทศ ตำรวจ ทหารและทหารชุด TBC ทั้งไทยและเมียนมาร์ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง ในพื้นที่บางประเทศอาจยากต่อการช่วยเหลือ ต้องใช้เวลาในการประสานงานและอาจให้ความช่วยเหลือไม่ได้ทุกราย อย่างไรก็ตามทางมูลนิธิปวีณาฯ

ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังคนไทยหรือชมรมของคนไทยที่อยู่ในเมืองดูไบ ระดมทุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายนำศพ น.ส.ธนาภา ผู้เสียชีวิตกลับมายังประเทศไทย ทั้งนี้ขอเตือนภัยและประชาสัมพันธ์ให้คนไทยที่คิดจะไปทำงานต่างประเทศ ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน จากกระทรวงแรงงานทุกจังหวัด หรือสอบถามกระทรวงการต่างประเทศ หรือมูลนิธิปวีณาฯ ก่อนต้องสูญเสียทั้งเงินและอิสรภาพ เงินก็ไม่ได้ต้องเป็นหนี้มหาศาล ถูกทำร้ายร่างกาย บังคับให้เสพยาเสพติด บางคนถึงกับเอาชีวิตไม่รอด เป็นต้น

นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กล่าวว่า สำหรับแนวทางการช่วยเหลือ เคสแรกกรณีการเสียชีวิตที่ดูไบ เบื้องต้นทางเราได้มีการประสานไปยัง สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ เมืองดูไบ ว่ามีการเสียชีวิตของคนไทยโดยไม่ทราบที่มาที่ไป ว่าเข้าเมืองไปเมื่อไหร่ นายจ้างคือใคร สาเหตุการตายคืออะไร ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น

ประเด็นที่หนึ่งเราจะส่งศพผู้เสียชีวิตกลับมาอย่างไร ส่วนที่สองคือการหาสาเหตุการตาย ในเรื่องการส่งศพต้องรอทางการดูไบออกไปมรณบัตรเมื่อได้มาแล้วก็จะมีการปรึกษาทางญาติว่าจะส่งศพซึ่งมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2 แสน หรือจะเผาที่นั่นแล้วส่งอัฐิ กลับมาซึ่งจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการส่งเนื่องจากจะเป็นการฝากกลับมากับถุงเมล์ทางการทูต

เรื่องที่สองกรณีคนสัญชาติเมียนมา ไม่ใช่สัญชาติไทย แต่ในฐานะเป็นเพื่อนร่วมโลก เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับเรา เราก็จะแจ้ง สถานทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ให้ทราบว่าเราได้ขอร้องเรียนจากมูลนิธิให้ช่วยดำเนินการต่อ โดยการแจ้งทาง สถานทูต เมียนมาในมาเลเซียเข้ามาให้ความช่วยเหลือเด็กคนนี้ขณะเดียวกันในอาทิตย์หน้าตนเองจะมีประชุมร่วมกับอธิบดีกรมการกงสุล มาเลเซียอยู่แล้วก็จะฝากเคสนี้เป็นกรณีพิเศษ

ส่วนเคสสุดท้ายเป็นเรื่องที่เคยมีการเตือนคนไทยในเรื่องการไปทำงานต่างประเทศที่ในรูปแบบใหม่ ที่มีการตั้งบริษัทเก๊ขึ้นมา หว่านล้อมให้คนหลงเชื่อเข้าไปทำงานให้แต่ปรากฏว่างานที่ไปทำไม่ตรงปกประกอบกับอาจจะไม่ได้รับเงินเดือนและถูกยึดหนังสือเดินทางรวมถึงใช้เวลาในการทำงานเกินควร ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีการประสานงานไปทางสถานทูตไทยที่ย่างกุ้ง และแจ้งทางการเมียนมาให้รับทราบปัญหาเพื่อวางแนวทางการช่วยเหลือคนไทยกลับมาต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน