แม่ร้องตำรวจซ้อมลูกชาย โดนจับคดีลักทรัพย์ เจอเอาถุงดำคลุมหัวตื้บยัดข้อหาข่มขืนอีกคดี สาวสองแฟนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยโร่แจ้งความ ขณะที่ผกก.สั่งสอบ ฮึ่มผิดจริงต้องรับผลที่ทำไว้เอง
วันที่ 26 ส.ค.2566 นางเหมย อายุ 59 ปี ชาว อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เข้าร้องเรียนผู้สื่อข่าวเพื่อขอความเป็นธรรมให้นายเอนก อายุ 34 ปี ลูกชาย ระบุถูกตำรวจฝ่ายสืบสวนโรงพักในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จับกุมตามหมายจับคดีลักทรัพย์ แล้วถูกถุงดำคลุมหัวซ้อมให้รับข้อหาข่มขืนอีกคดีจนได้รับบาดเจ็บ
นางเหมย ระบุ เป็นห่วงลูกมากตั้งแต่ถูกจับกุม และมาทราบว่าถูกซ้อมด้วย เครียดมากกินไมได้นอนไม่หลับ พยายามหาเงินประกันตัวอยู่ ลูกทำจริงหรือไม่ตนไม่รู้ ถึงลูกจะก่อเหตุจริงตำรวจก็ไม่น่าจะซ้อมลูกชายแบบนี้ ไม่คิดว่าจะใช้วิธีการแบบนี้กันอยู่อีก
เห็นสภาพลูกชายแล้วตกใจมาก ตาบวมปูด มีรอยฟกช้ำตามร่างกาย รับได้ว่าลูกผิดจริงที่ก่อคดีชิงทรัพย์ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี แต่ยอมรับไมได้ตำรวจซ้อมให้รับข้อหาข่มขืนอีก ซึ่งลูกบอกว่าไม่ทำ อยากร้องเรียนขอความเป้นธรรมให้กับลูกชาย
ด้านนายอนุสรณ์ อายุ 27 ปี แฟนสาวประเภทสอง บอกว่า วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมาตำรวจ ชุดสืบสวน นำหมายจับคดีชิงทรัพย์ จับกุมแฟนที่ทางเข้าหมู่บ้านคุมตัวไปห้องสืบสวน ตนก็ตามไปด้วยแฟนยอมรับสารภาพก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์จริง แต่ถูกสอบให้ยอมรับสารภาพคดีข่มขืนด้วย แฟนปฎิเสธจากนั้นตำรวจเอาถุงดำมาคลุมหัวแฟน ตนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แล้วตำรวจพาแฟนไปสอบอีกห้องได้ยินเสียงตำรวจบอกว่า “มึงอย่ามาเก่งกับกู”
” หลังถูกสอบเสร็จ เห็นสภาพแฟนหัวโนเบ้าตาเขียว ชายโครง หน้าท้อง มีรอยพกช้ำตามร่างกาย พยามสอบถามตำรวจในห้องทำไมต้องซ้อมกันด้วย ตำรวจบอกว่า ไม่มีการซ้อมนะ เราจึงถามว่าแบบนี้เราแจ้งความเอาผิดตำรวจได้ไหม ตำรวจบอกว่าถ้ามีหลักฐาน จำได้ว่าใครเป็นคนซ้อม แฟนเครียดมากกินน้ำยาล้างห้องน้ำ แต่ถูกช่วยเหลือทันถูกนำตัวส่งรพ.”
ขณะที่ พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ครอบครัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้แจ้งความแล้วเพื่อให้ดำเนินคดีกับตำรวจที่ซ้อมผู้ต้องหา โดยส่งตัวผู้ต้องหาไปตรวจร่างกายประกอบสำนวนการสอบสวน จากนั้นพนักงานสอบสวนจะเรียกตำรวจที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนหาข้อเท็จจริง พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย หากตำรวจกระทำความผิดจริง ต้อวรับผลสิ่งในสิ่งทำ
