ผบช.สตม. แถลงผลงานจับกุม จีนปลอมเอกสารกู้เงิน โกง5.6พันล้าน และ ช่วยเหลือคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 66 ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมืองทองธานี พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รองผบช.สตม. พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ศท.ตม. พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมคดีสำคัญในรอบสัปดาห์
คดีแรกจับกุม นายเกา อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ข้อหา จัดทำเอกสารปลอมเพื่อให้กู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย โดยรัฐบาลจีนได้รับความเสียหายกว่า 1.133 พันล้านหยวน (ประมาณ 5,600 ล้านบาท) หลังได้รับการประสานงานจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าหลบหนีเข้าไทย โดยจับกุมได้ที่ที่วิลล่าแห่งหนึ่งใน ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
คดีที่ 2. จับกุม นายสราวุธ (นามสมมติ) อายุ 49 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ข้อหา ร่วมกันให้ที่พักพิง ให้การช่วยเหลือคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยผู้ต้องหารายนี้เป็นหนึ่งในขบวนการลักลอบ ขนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา หลบหนีเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 13 คน เหตุเกิดท้องที่ สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้า
โดยนายวุธจะทำหน้าที่ประสานงานก่อนส่งต่อคนต่างด้าวให้กับนายอภิวัธกับพวกรวม 3 คน เพื่อพาคนต่างด้าวไปยัง จ.สงขลา และเปลี่ยนรถไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้ค่านำพาเป็นเงินจำนวน 1,500 บาทต่อคน ภายหลังทราบว่าถูกออกหมายจับจึงขอมอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.รัตภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ในห้วงระหว่างวันที่ 1 ก.ค. – 30 ก.ย.66 ผบช.สตม. ได้สั่งการตามหนังสือ ตร. ด่วนที่สุดที่ 0007.22/2536 ลง 30 มิ.ย.66 เรื่อง มาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยให้ทุกหน่วยในสังกัด สตม. ระดมกวาดล้างอาชญากรรม กำหนดเป้าหมายในการระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไป การจับกุมบุคคลตามหมายจับและการสืบสวนจับกุมปราบปรามการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
ผลการปฏิบัติในห้วง 1 ก.ค. – 31 ส.ค.66 ได้ตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาขออยู่ต่อในราชอาณาจักรทั้งสิ้น 9,937 ราย พบว่า เป็นบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) จำนวน 729 ราย จึงได้จับกุมส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งยังจับกุมบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อีกจำนวน 1,557 ราย และจับกุมข้อหาช่วยเหลือ ซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวฯ จำนวน 50 ราย
