ตำรวจไซเบอร์ จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หลอกติดตั้งแอปฯ ดูดเงินเกลี้ยงบัญชี สาวยังปฏิเสธ แค่เปิดบัญชี ทำไมโดนจับ

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2566 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พ.ต.ท.เลอศักดิ์ พิเชษฐไพบูลย์ และพ.ต.ต.ธวัช ทุเครือ สว.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3

นำกำลังพร้อมหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ จ 431/2566 ลง 25 ต.ค.66 เข้าจับกุม น.ส.สาวิกา คงมาก อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/19 ซอยวิภาวดีรังสิต 2 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพฯ

ข้อหา “ร่วมกันกับพวก ลักทรัพย์ผู้อื่นโดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ร่วมกันฟอกเงิน”

สืบเนื่องจากช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 65 มีผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากคนร้ายเป็นหญิง อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่าผู้เสียหายยังไม่ได้ยืนยันสถานะประจำปีของห้างหุ้นส่วนจำกัดที่ผู้เสียหายจดทะเบียนไว้

โดยมิจฉาชีพสามารถบอกข้อมูลพื้นฐานของนิติบุคคลของผู้เสียหายได้ถูกต้อง เช่น ชื่อผู้เสียหาย ชื่อนิติบุคคลที่จดทะเบียนและหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ทางผู้เสียหายจึงหลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของทางราชการติดต่อมาจริง

โดยมิจฉาชีพได้โอนสายต่อให้พูดคุยกับมิจฉาชีพอีกคน เพื่อแนะนำให้ผู้เสียหายแอดไลน์และส่งลิงก์เพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสำหรับยืนยันสถานะของห้างหุ้นส่วนของผู้เสียหาย เมื่อกดเข้าไปพบว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีหน้าตาเหมือนกับของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และมีเครื่องหมายให้คลิกเพื่อดาวน์โหลดแอปฯ สำหรับยืนยันสถานะ








Advertisement

โดยระหว่างดาวน์โหลดมิจฉาชีพจะถือสายสนทนากับผู้เสียหายตลอดเวลา จากนั้นก็ให้กรอกข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ต่อมามิจฉาชีพแจ้งว่าผู้เสียหายต้องตั้งรหัสผ่านเป็นเลข 6 หลักสำหรับการเข้าใช้งานแอปฯ ผู้เสียหายจึงใส่เป็นเลข 6 หลักที่เป็นรหัสเดียวกับรหัสผ่านของแอปบัญชีธนาคาร และรหัสอื่น ๆ อีกหลายครั้ง

เมื่อใส่รหัสยืนยันครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น หน้าจอโทรศัพท์ของผู้เสียหายก็ปรากฏเป็นสีฟ้า มีข้อความว่ากำลังตรวจสอบ โดยผู้เสียหายไม่สามารถกดปุ่มหรือดำเนินการใด ๆ ได้ แม้พยายามปิดเครื่องก็ไม่สามารถทำได้ ผู้เสียหายรู้สึกตกใจจึงรีบถอดซิมการ์ดออก

แล้วก็เห็นอีเมลแจ้งเตือนการโอนเงินออกจากธนาคารในคอมพิวเตอร์ จึงรู้ตัวว่าโดนมิจฉาชีพหลอก โดยเงินของผู้เสียหายถูกโอนออกจากบัญชีจนหมดเกลี้ยง 2 บัญชี รวมเป็นเงิน 111,327 บาท ผู้เสียหายจึงรีบเข้าแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ www.thaipoliceonline.go.th

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ชุดวิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 ทำการสืบสวนแกะรอยจนทราบว่าน.ส.สาวิกา เป็นหนึ่งในขบวนการของแก๊งมิจฉาชีพ เจ้าของบัญชีม้าแถวที่ 2 ที่รับโอนเงินมาจากปลายทางบัญชีที่โดนแอปฯ ดูดเงินโอนออกมาอีกทอดหนึ่ง

จึงรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ โดยติดตามจับกุมตัวได้บริเวณที่พักในพื้นที่ย่านดินแดง กรุงเทพฯ จากการสอบปากคำเบื้องต้นได้ให้การปฏิเสธ ก่อนควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน