ชุมพร ตำรวจ เชิญแม่-ญาติ สอบปากคำ หลังแจ้งลูกชายหายตัว สันนิษฐาน ศพถูกฆ่าทิ้ง บุคคลเดียวกัน เร่งตรวจลายนิ้วมือ พร้อมชิ้นส่วนกระดูกตรวจดีเอ็นเอ ตรงกันหรือไม่

10 ม.ค. 67 – พ.ต.ท.สกฤชญ สุขนิตย์ รอง ผบก.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้เชิญตัว นางสุวรรณี ศรีพิจิตร อายุ 55 ปี ที่อยู่ 475 หมู่ 5 ตำบลหินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมลูกสาวและญาติ มาสอบปากคำเบื้องต้น เพื่อนำไปสู่การสืบสวนสอบสวน

หลังจากเมื่อวันที่ 8 มกราคม 67 ที่ผ่านมา นางสุวรรณี ได้เข้าพบ ร.ต.ท.รวิศ สิริรักษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร และได้แจ้งว่า เมื่อ 3 ม.ค. 67 เวลาประมาณ 18.00 น. นายจิรศักดิ์ ตรียวง อายุ 36 ปี บุตรชาย ได้หายจากบ้าน ไม่ทราบบ้านเลขที่ อยู่ในพื้นที่ ม.2 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมกับรถยนต์เก๋ง โตโยต้า ยารีส สีขาว ทะเบียน 6515 ชุมพร แต่จำหมวดอักษรไม่ได้ และรถยนต์กระบะ โตโยต้า สีขาว จำทะเบียนไม่ได้ ซึ่งยังไม่สามารถติดต่อได้

โดยหวั่นว่าจะได้รับอันตราย อีกทั้งเพิ่งมีข่าวพบคนถูกฆ่าตายแล้วนำศพมาทิ้งที่ ป่าละเมาะริมถนนชลประทาน คลองหัววัง-พนังตัก แก้มลิงหนองใหญ่ หมู่ 8 ตำบลบางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร

หลังจากที่ นางสุวรรณี ได้ให้ปากคำชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร เป็นที่เรียบร้อย จึงได้ไปพบกับ พ.ต.ต.ชินวุธ ศิลปะเสวตร สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร ซึ่งเป็นเจ้าของคดีคนร้ายฆ่า และนำศพมาทิ้ง ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับ โดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด พูดเพียงเดี๋ยวเสียรูปคดี

ผู้สื่อข่าวได้สืบหาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ทราบว่า นายจิรศักดิ์ ตรียวง หรือ ต้น อายุ 36 ปี (ภาพนิ่งเสื้อเชิ้ตสีแดง) บุตรชายของ นางสุวรรณี ได้แยกครอบครัว มาเปิดร้านมินิมาร์ทเล็กอยู่ใน ม.2 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร กับเพื่อนชายคนหนึ่ง ชื่อ เอ็ม

ตลอดระยะเวลาช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทั้งคู่มักจะทะเลาะมีปากเสียงกันบ่อย อีกทั้งร้านมักจะปิดอยู่เป็นประจำ ซึ่งหลังจากที่ นายจิรศักดิ์ หรือ ต้น หายไป พร้อมรถยนต์สองคัน ก็ไม่เห็นตัว นายเอ็ม ด้วยเช่นกัน และ แม่และญาติ ก็ไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่นั้นมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร ก็ได้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด พบว่า มีรถยนต์ต้องสงสัย ลักษณะคล้าย รถเอสยูวี สีขาว ซึ่งขับผ่านบ้านหลังหนึ่ง ก่อนถึงจุดพบศพ ช่วงเวลา 10.16 น. ของวันที่ 7 มกราคม ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นรถคันที่ใช้ก่อเหตุนำศพมาทิ้งก็เป็นได้

ล่าสุดจากการนำศพไปผ่าชันสูตรที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เบื้องต้นแพทย์ระบุว่า ผู้ตายเสียชีวิตจากแผลจากการบริเวณหน้าผาก แต่ยังไม่สามารถระบุบุคคลได้ชัดเจน เนื่องจากนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของศพเน่าเละ จึงต้องส่งลายนิ้วมือที่สามารถเก็บได้ ส่งให้ศูนย์นิรนาม ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและเครื่องมือพิเศษ ที่จะจำแนกและชี้ชัด

พร้อมทั้งได้ตัดชิ้นส่วนกระดูกไปตรวจดีเอ็นเอ ไปเทียบกับทางญาติของ นายคมคาย แซ่ลิ้ม ลูกจ้างในขบวนคาราวานขายของเร่ตามงาน ที่ปรากฏชื่ออยู่ในใบนัดแพทย์ ที่ถูกทิ้งไว้ในเต็นท์ต้องสงสัยก่อนหน้านี้ และนำมาเทียบกับทางฝั่งของ นางสุวรรณี ว่าตรงกันหรือไม่อย่างไรต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน