ตำรวจบก.ปอศ. เปิดปฏิบัติการ “สกัดภัยอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ” จับกุมบัญชีม้ารับจ้างบริษัทหลอกลงทุนเทรดหุ้นต่างประเทศ เสียหายกว่า 800 ล้าน

วันที่ 27 มี.ค.2567 พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ. เปิดปฏิบัติการ “CIB breaks up online scam syndicate สกัดภัยอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติ” เข้าจับกุมบัญชีม้าที่รับจ้างบริษัทหลอกลงทุนเทรดหุ้นต่างประเทศ

ประกอบด้วย หจก.เอสดี แอนด์ เอสดี อินเตอร์เนชั่น มีน.ส.สุรดี อายุ 59 ปี เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ, หจก.ซีฟูรีย์ พลัส กรุ๊ป มี นายวีรวัฒน์ อายุ 30 ปี หุ้นส่วนผู้จัดการ, หจก.บีแอลวีดีพีเอสแอล โฮลดิ้ง มีน.ส.กันยารัตน์ อายุ 43 ปี หุ้นส่วนผู้จัดการ, หจก.นิค เอส บิวเดอร์ มีนายวิษณุ อายุ 40 ปี หุ้นส่วนผู้จัดการ,

หจก.สมบัติยิ่งเจริญ กรุ๊ป มีน.ส.สุรีย์ อายุ 44 ปี หุ้นส่วนผู้จัดการ, หจก.กาสิคาบ โกเบิล มีนายปริทัศน์ อายุ 44 ปี หุ้นส่วนผู้จัดการ, หจก.กาซิร์คราบ ซัคเซส มีนายณัฐวุฒิ อายุ 35 ปี เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และ หจก.สกิลริ้ง แคบพิเทิ้ล ซัคเซส มีน.ส.วรลักษณ์ อายุ 44 ปี เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ

โดยทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และเปิดหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน โดยนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฯ

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก มีกลุ่มผู้เสียหายแจ้งความที่ กก.3 บก.ปอศ. ถูกกลุ่มคนร้ายชักชวนลงทุนหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ ผ่านเพจเฟซบุ๊กโดยแอบอ้างบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการหุ้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนชักชวนเข้าร่วมกลุ่มไลน์ VIP แนะนำการลงทุนหุ้นต่างประเทศซึ่งมีความแม่นยำและน่าเชื่อถือสูง อีกทั้งยังมีข้อมูลลับที่ใช้ในการลงทุน โดยให้ลงทุนผ่านแอพพลิเคชัน Nicshare (ซึ่งเป็นแอพปลอม) ช่วงแรกสามารถทำกำไรได้จริงและถอนเงินได้ เพื่อให้ผู้เสียหายตายใจโอนเงินลงทุนเพิ่มอีกหลายครั้ง สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้


นอกจากนี้กลุ่มคนร้ายยังอ้างว่า ถ้าจะถอนเงินจะต้องการวางเงินประกันการลงทุนเพิ่ม ต้องเสียภาษี ค่าธรรมเนียม และ ค่าประกัน ถึงจะถอนเงินได้ เมื่อผู้เสียหายทำตามที่คนร้ายบอกแต่ก็ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จึงตรวจสอบยังพบว่า แอพพลิเคชันดังกล่าว ไม่ได้รับการอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่อย่างใด เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายกว่า 50 ราย รวมความเสียหายเป็นเงินกว่า 800 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ สืบสวนจนนำไปสู่ปฏิบัติการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจำนวนหลายรายไปเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งขยายผลไปยังกลุ่มบุคคลที่ได้จดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อรับโอนเงินจากกลุ่มผู้เสียหายแล้วผ่องถ่ายโอนไปยังกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ 8 ราย

สอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การรับสารภาพว่าได้ รับการว่าจ้างให้จดจัดตั้งนิติบุคคลและเปิดบัญชีธนาคารในนามนิติบุคคล เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ในการใช้หลอกลงทุน และหลบเลี่ยงการตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินของภาครัฐ จึงนำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน