ปฏิบัติการ Black Horse Down ล้มบัญชีม้าดำ รวบเอเย่นต์จัดหาบัญชีม้ารายใหญ่ ส่งแก๊งอาชญากรรมต่างๆ พบเชื่อมโยงกว่า 1,000 บัญชี เงินหมุนกว่า 1,200 ล้าน
วันที่ 8 ต.ค.2567 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รรท.อธิบดีฯ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีฯ ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผอ.กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ นำกำลังเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ ปปง. และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 5 ราย
ได้แก่ นายอิเกดิ ชาวไนจีเรีย, น.ส.อรอนงค์, นายวิโรจน์, น.ส.อารยา และน.ส.กรรณิการ์ จับกุมได้ที่คอนโดย่านถนนศรีนครินทร์ กรุงเทพมหานคร ความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่นฯ และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน
โดยผู้ต้องหาทั้งหมด เป็นขบวนการใหญ่ มีนายอิเกดิ และน.ส.อรอนงค์ ซึ่งเป็นสามีภรรยากันเป็นหัวหน้าขบวนการ มีพฤติการณ์เป็นเอเย่นต์ในการจัดหาบัญชีม้าจากทั่วประเทศ ส่งขายให้กับกลุ่มองค์กรอาชญากรรมต่างๆ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โรแมนซ์สแกม และขบวนการฟอกเงิน ผู้ค้ายาเสพติดในต่างประเทศ เช่น กัมพูชา ฮ่องกง เกาหลีใต้ แอฟริกาใต้ ทั้งยังที่มีความเชื่อมโยงกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แอฟริกาตะวันตกที่เคลื่อนไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คดีนี้สืบเนื่องจาก กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ได้ทำการสืบสวนสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 95/2566 กรณี มีผู้เสียหายจำนวนหลายราย ถูกหลอกลวงจากแก๊งโรแมนซ์สแกม หลอกให้หลงรักแล้วชวนลงทุน สูญเงินเป็นจำนวนมากกว่า 50 ล้านบาท
จากการสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่าบัญชีที่รับโอนเงินจากผู้เสียหาย เป็นบัญชีม้าที่เกิดจากการที่นายอิเกดิ และน.ส.อรอนงค์ ที่ตั้งตัวเป็นเอเย่นต์รายใหญ่ ในการจัดหาบัญชีม้า และซิมโทรศัพท์ โดยมีพฤติการณ์เคลื่อนไหวในพื้นที่กรุงเทพฯ และสั่งการให้กลุ่มเครือข่ายซึ่งอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
เป็นนายหน้าติดต่อว่าจ้างหาคนมาเปิดบัญชีม้า และซิมผี แล้วส่งกลับมาให้กับนายอิเกดิ และน.ส.อรอนงค์ เพื่อกระจายส่งต่อไปให้กับกลุ่มองค์กรอาชญากรรมชาวไนจีเรีย และกลุ่มเครือข่ายอื่นๆ นำไปใช้ในการหลอกลวงผู้เสียหาย โดยนายหน้าแต่ละคนจะมียอดในการส่งบัญชีม้าให้กับนายอิเกดิ และน.ส.อรอนงค์ เฉลี่ยต่อคนประมาณเดือนละกว่า 100 บัญชี
และยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีความเชื่อมโยงกับบัญชีม้ากว่า 1,000 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 1,200 ล้านบาท ขณะนี้พบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากกลุ่มของนายอิเกดิ และน.ส.อรอนงค์ กับพวก มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท และจากการวิเคราะห์เส้นทางการเงินเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ถูกหลอกลวงจากกลุ่มดังกล่าว
ต่อมา คณะพนักงานสอบสวน คดีพิเศษที่ 95/2566 ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญา เพื่อออกหมายจับผู้ต้องหากลุ่มของนายอิเกดิ และน.ส.อรอนงค์ กับพวก จำนวน 8 ราย ซึ่งพบว่ามี 2 รายมีการถูกควบคุมตัวในคดีอื่น จึงได้อายัดตัวไว้แล้ว และขออนุมัติศาลอาญาขอหมายค้น เพื่อตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 5 จุด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับที่เหลือ 6 ราย สามารถจับกุมได้ จำนวน 5 ราย อีก 1 ราย อยู่ระหว่างหลบหนีซึ่งจะได้ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
ผลการตรวจค้น พบสมุดบัญชีธนาคารต่างๆ ที่ใช้เป็นบัญชีม้า จำนวน 40 เล่ม และพบว่ามีบัญชีเงินฝากของน.ส.อรอนงค์ 2 บัญชี มีเงินหมุนเวียนกว่าสิบล้านบาท โทรศัพท์เคลื่อนที่ 23 เครื่อง ซิมการ์ด 31 ชิ้น บัตร ATM 20 ใบ แท็บแล็ต 5 เครื่อง เสื้อผ้าตรงตามภาพที่ปรากฏหน้าตู้ ATM (CCTV) ขณะกดถอนงิน และบัญชีรายชื่อบัญชีม้าเป็นจำนวนมาก
นอกจากกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนขยายผล ดำเนินคดีตามกฎหมาย กับผู้ร่วมกระทำผิด และบูรณาการร่วมกับสำนักงาน ปปง. ในการสืบสวนเส้นทางการเงิน และติดตามยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องของกลุ่มขบวนการดังกล่าว
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนว่า การเปิดบัญชีม้าเพื่อให้คนร้ายไปกระทำความผิด ท่านอาจตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงถึง 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่มีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อสาธารณะต่างๆ ทุกวัน จะปฏิเสธว่าไม่ทราบข่าวสารไม่ได้ ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการร้องทุกข์กล่าวโทษหรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับคดีความผิด สามารถติดต่อสื่อสารผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.dsi.go.th “ร้องเรียน ร้องทุกข์ แจ้งเบาะแส” เพื่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป