ตำรวจไซเบอร์ ค้นแม่สอด 7 จุด พบลอบใช้ไฟหลวง แอบขุด bitcoin แถมยังยึดอาวุธปืน-กระสุน เตรียมขยายผลหาความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เมื่อเวลา 13.40 น.วันที่ 13 ก.พ. ที่บช.สอท. พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บํารุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.ศรายุทธ แผลงปัญญา รองผบก.อก.ภ.6 รรท.ผกก.สภ.แม่สอด ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการ “ฟ้าสางที่แม่สอด มาทลายเหมือง bitcoin เถื่อนลักลอบใช้ไฟฟ้า” เสียหายกว่า 4 ล้านบาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ปฎิบัติการครั้งนี้ พบมีการใช้อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง เพื่อลักลอบทำเหมือง bitcoin จึงมีการประสานงานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอแม่สอด จากการตรวจสอบย้อนหลังไปจนถึงปี 2561 มีการใช้กระแสไฟฟ้าจำนวนมาก รวมเป็นเงินทั้งหมดประมาณมาก 3,189,072 บาท หลังจากนั้นก็ไม่พบว่ามีการใช้กระแสไฟฟ้าอีกเลย
กระทั่งพบในเวลากลางคืน ยังมีคนทำงานในอาคารพาณิชย์ ซึ่งได้ยินเสียงของอุปกรณ์ที่คาดว่าเป็นเครื่องขุด bitcoin ดังออกมาจากตัวอาคารบริเวณชั้น 2 ยังมีแสงไฟฟ้าส่องสว่างอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติ เนื่องจากอาการดังกล่าวมีการแจ้งหยุดการใช้กระแสไฟฟ้าไปนานแล้ว จึงทำให้ตำรวจเชื่อได้ว่าอาจจะมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าอย่างแน่นอน จึงนำหมายค้นจากศาลจังหวัดแม่สอดเข้าตรวจสอบ
ตรวจยึดเครื่อง bitcoin จำนวน 12 เครื่อง นอกจากนี้ในจุดอื่นๆจับผู้ต้องหา 5 คน ตรวจยึดอาวุธปืนหลายขนาด 3 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนหลายขนาดจำนวน 582 นัด อย่างไรก็ตามตำรวจอยู่ระหว่างการหาเจ้าของอาคารมาสอบปากคำ เพื่อดูว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่ พร้อมสอบปากคำผู้ต้องหาถึงที่มาของอาวุธปืน รวมทั้งมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือขบวนการฟอกเงินอื่นๆด้วยหรือไม่
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 7 จุด ไม่ใช่เครือข่ายเดียวกัน และมีการเช่าอาคารพาณิชย์มาลักลอบขุด bitcoin ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการหาเจ้าของอาคารมาสอบปากคำเพื่อดูว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่ ส่วนกรณีที่ตรวจพบมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนหลายขนาดอยู่เป็นจำนวนมาก อยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้ต้องหาถึงที่มาของอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน รวมทั้งมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือขบวนการฟอกเงินอื่นๆด้วยหรือไม่