นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาและลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย ว่าด้วยแนวโน้มในปัจจุบันที่คนอยู่บ้านนานขึ้น มองหาบ้านที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิต ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ซึ่งบริษัทได้นำความต้องการทั้งหมดนี้มาเป็นแนวคิดในการออกแบบโครงการที่พักอาศัยแนวราบ พร้อมทั้งยังให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าตัวเลขยอดขายโครงการบ้านแนวราบที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ บริษัทมีแผนสร้างโครงการรวมมูลค่า 52,000 ล้านบาท โดย 75% เป็นบ้านแนวราบ เน้นทำเลศักยภาพ ในระดับราคาตั้งแต่ระดับ 10-100 ล้านบาท ส่วนอีก 25% เป็นคอนโดมิเนียม โดยรายได้ในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 4,400 ล้านบาท และภายใน 5 ปี จะมีรายได้สะสมจากธุรกิจที่อยู่อาศัยรวม 34,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้จะแตะสูงสุดที่กว่า 10,000 ล้านบาทในปี 2569 และมีสัดส่วนรายได้ 35% ของรายได้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ส่วนแนวทางการพัฒนาบ้านแนวราบจะเน้นสร้างเสร็จก่อนขายเป็นหลัก โดยจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักเริ่มจากบ้านศิรนินทร์ เรสซิเดนซ์ เป็นบ้านระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ 50-100 ล้านบาท โดยประเดิมเปิดขายก.ย.ปีนี้ ย่านถนนพัฒนาการ เป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ในราคาเริ่มต้น 65-120 ล้านบาท รวม 32 หลัง มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปีแรก 600 ล้านบาท และตั้งเป้าปิดการขายปี 2566 พร้อมกับจะทยอยเปิดตัวบ้านแนวราบอย่างต่อเนื่องปีละ 3,000-14,000 ล้านบาท โดยเฉพาะปีหน้าจะพร้อมเปิดขายบ้านอีก 2 กลุ่ม รวม 4 โครงการ มูลค่าแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา ประกอบด้วยบ้านในกลุ่มลักชัวรี่ 20-50 ล้านบาท และบ้านหรูในราคาไม่สูงเกินไปหรือ 10-20 ล้านบาท
“มองว่าลูกค้าเป้าหมายกลุ่มนี้มีความพร้อมด้านการเงินและไม่ต้องการรอเวลากว่าบ้านจะสร้างเสร็จ ซึ่งบริษัทมีประสบการณ์จากการขายโครงการบ้านสันติบุรี ซึ่งบ้านตัวอย่างจะถูกขายได้เป็นหลังแรกๆ ขณะเดียวกันเพื่อบริหารความเสี่ยง บริษัทจะมีการมอนิเตอร์ตลาดตลอดเวลา และเตรียมความพร้อมไว้แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้สร้างออกมาแล้วกลายเป็นสต๊อกของบริษัท”
พร้อมสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน โดยบริษัทจะดึงศักยภาพของบริษัทแม่ที่มีหลากหลายธุรกิจ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจโรงแรม ทั้งในและต่างประเทศ ธุรกิจท่องเที่ยว สนามกอล์ฟ ตลอดจนการเป็นผู้สนับสนุนหลักคอนเสิร์ตระดับโลก ซึ่งทั้งหมดจะเป็นสิทธิประโยชน์เสริมให้ลูกค้าเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด นอกเหนือจากการรับประกันคุณภาพบ้านระยะเวลานานกว่าคู่แข่งด้วยเช่นกัน
