นายอธิป พีชานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงโครงการบ้านเพื่อคนไทยของรัฐบาลว่า โดยภาพรวมโครงการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย เนื่องจากลูกค้าเป็นคนละกลุ่มเป้าหมายกัน โดยโครงการของรัฐมุ่งเน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่ดี
แต่รัฐบาลจะต้องกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของผู้ได้รับสิทธิ์ด้วยความรอบคอบ สามารถคัดกรองสิทธิ์ให้เฉพาะผู้มีรายได้น้อยและต้องมีมาตรการป้องกันการสวมสิทธิ์จากบุคคลอื่นที่แอบสวมสิทธิ์เข้ามาซื้อเพื่อนำไปขายต่อเพื่อเก็งกำไรด้วย เนื่องจากทำเลที่รัฐบาลนำมาสร้างเป็นบ้านเพื่อคนไทยเป็นถือทำเลที่อยู่ในพื้นที่พรีเมี่ยมสามารถนำไปขายต่อได้ในราคาที่แพงกว่า และ เชื่อว่าโครงการดังกล่าวคงจะมีคนเข้ามาแย่งสิทธิ์กันจำนวนมาก
นายอธิป กล่าวว่า รัฐบาลอาจจะต้องพิจารณาทบทวนเรื่องของระยะเวลาในการห้ามโอนสิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทยที่กำหนดไว้ภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันจดทะเบียนสิทธินั้นเป็นระยะเวลาที่สั้นเกินไปหรือไม่ รวมทั้งควรกำหนดให้การโอนสิทธิ์ หรือขายต่อบ้านคืนให้กับหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น เพื่อให้รัฐบาลสามารถส่งต่อบ้านดังกล่าวกลับคืนไปยังผู้มีรายได้น้อยตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ส่วนเกณฑ์วงเงินรายได้ของผู้ได้รับสิทธิ์ที่กำหนดไว้ที่ไม่เกิน 50,000 บาท/เดือน นั้น อาจจะต้องพิจารณาทบทวนให้เหลือไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน เพราะมองว่าคนที่มีรายได้ 50,000 บาท/เดือนนั้น มีความสามารถในการซื้อบ้านอยู่ได้เองอยู่แล้ว