ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานวันบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) ณ ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมี นักลงทุนร่วมรับฟังจำนวนมาก

 

ดร.วันดี กล่าวว่า บริษัทฯคาดว่า จะทำรายได้ในปี 2560 ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 5,500 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) เพิ่มขึ้น 2 โครงการ คือ โครงการโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ และ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังการผลิต 37 เมกะวัตต์ รวมถึงการรับรู้รายได้จากธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟ)

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นขยายฐานรายได้ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 10 % หรือ 5,000-5,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย นอกจากนี้ ยังคาดหวังว่า กำลังการผลิตของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นปีละ 100 เมกะวัตต์ โดยจะมาจากต่างประเทศเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 500 เมกะวัตต์ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนบริษัทฯ จะมีรายได้ถึง 8,000-10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 36 โครงการ กระจายอยู่ใน 10 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยใช้เงินลงทุนกว่า 25,000 ล้านบาท

 

ดร.วันดี กล่าวถึง ธุรกิจติดตั้งโซลาร์รูฟบนหลังคาว่า ดำเนินการภายใต้ บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ SPR ที่มีบริษัท โฮม โปรดักซ์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนจำหน่าย ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในตลาดที่อยู่อาศัย ล่าสุดบริษัทฯ ได้บุกตลาดที่อยู่อาศัยในภาคเหนือ โดยมีลูกค้าให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯคาดว่า ในปีนี้จะสามารถทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่าปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศญี่ปุ่น 500 เมกะวัตต์ โดยหวังว่า จะสามารถลงทุนได้อีกประมาณ 200 เมกะวัตต์ และโครงการศึกษาที่ฟิลิปปินส์ 200 เมกะวัตต์ โดยเฟสแรกจะลงทุนก่อน 37 เมกะวัตต์ ซึ่งมีโอกาสที่จะทำได้ประมาณ 100 เมกะวัตต์ ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ระดับเดียวกับ 9 เดือนแรกที่มี Net margin 45-44% จาการเติบโคของรายได้อย่างต่อเนื่องและบริษัทฯ พยายามควบคุมต้นทุนให้ต่ำลง

 

สำหรับ งบการเงินงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59 บริษัทฯ มีรายได้จำนวน 3,655.51 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 3,713.35 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่รวม 1,684.69 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1,702.35 ล้านบาท ขณะที่โรงไฟฟ้าของบริษัท สามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 210,000 ตันต่อปี และยังร่วมสนับสนุนโครงการต่างๆ ที่มีจุดมุ่งหมายในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน