นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ภาพรวมกำลังซื้อในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้ฟื้นตัวเล็กน้อย และน่าจะต่อเนื่องไปจนถึง 6 เดือนที่เหลือ จากตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่เพิ่มขึ้น แต่กำลังซื้อระดับล่างยังไม่ฟื้นตัวนัก โดยเครือสหพัฒน์ 6 เดือนแรกยอดขายเติบโตเพียง 1-2% เพราะสินค้ากลุ่มแฟชั่นเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งสินค้าบางแบรนด์ของเครือติดลบถึง 10% แต่สินค้าในกลุ่มอาหารและสินค้าที่ใช้ประจำวันยังเติบโต ดังนั้นทั้งปีน่าจะเติบโตได้ 1-2% เช่นกัน ถือว่าโดยรวมดีกว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามียอดขายทรงตัว
“ต้องยอมรับว่ากำลังซื้อระดับล่างขาดเงินซื้อของ แต่ก็ไม่ถึงยากจนไม่มีเงินซื้อข้าวซื้อของที่จำเป็น โดยหวังว่าในปีหน้าจะดีขึ้น และเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น การส่งออกไทยจะดีขึ้นโดยเฉพาะในตลาดจีน หลังจากมีการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากเลือกตั้งมาบริหารประเทศ ซึ่งจะทำให้ต่างชาติเชื่อมั่น และกลับมาลงทุนมากขึ้น สำหรับเครือสหพัฒน์เองในปีหน้าจะกลับมาลงทุนเพิ่มในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ปีนี้ใช้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท”
ส่วนปัจจัยที่น่ากังวลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ เป็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งที่ห่วงคือการตอบโต้ของจีนด้วยการทำค่าเงินหยวนให้อ่อนค่า ส่งผลให้ค่าเงินทั่วโลกจะเปลี่ยนไป และไทยเองผูกติดกับเงินดอลลาร์สหรัฐ จะทำให้ค่าเงินบาทแข็ง ดังนั้นไทยควรต้องปรับค่าเงินบาทให้สู้กับเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดีกว่านี้ เพราะเท่าที่ดูตอนนี้ไทยยังทำได้ไม่ดีนัก
ในขณะที่ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันและพลังงานที่ปรับเพิ่มนั้น ในเครือสหพัฒน์ไม่มีแผนจะปรับราคาสินค้าขึ้น สำหรับงานสหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 22 ซึ่งปีนี้จัดที่ไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 28 มิ.ย.ถึง 1 ก.ค.นี้ นำสินค้ามาจำหน่ายในราคาพิเศษกว่า 1,000 คูหา เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค พร้อมตอบรับสังคมไร้เงินสดด้วยบริการชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ด และบัตรแรบบิท อีกทั้งยังมีบริการส่งสินค้าฟรีด้วย
นอกจากนี้ ปีนี้ยังพิเศษที่เครือสหพัฒน์จะเน้นในเรื่องการสนับสนุนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ สนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก และกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ เพราะร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ เป็นโครงการที่ดีที่จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยได้ โดยในงานจะเชิญร้านค้าธงฟ้าประชารัฐจากทั่วประเทศกว่า 20,000 ร้านมาดูร้านค้าตัวอย่าง ศึกษาการบริหารจัดการร้าน การจัดสินค้า การซื้อขายจริง รวมถึงอบรมให้ความรู้ อย่างไรก็ดีตลอด 4 วันที่จัดงานนี้จะสร้างยอดขายได้กว่า 300 ล้านบาท
